สทท.เผย “ไฮซีซั่น -VOA ” ดันดัชนีเชื่อมั่นท่องเที่ยวQ4พุ่งแตะระดับ 100 สูงกว่า Q 2-3
นายชัยรัตน์ ไตรรัตนจรัสพร ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวไทยปี 2562 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 4 ปี 2561 ว่า สทท.ได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งและคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเทศไทย (ททท.) ทำการสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการท่องเที่ยวไตรมาส 4 ปี 2561ช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม รวมถึงคาดการณ์ดัชนีความเชื่อมั่นในไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการท่องเที่ยวในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ระดับ 100 อยู่ในระดับปกติ และเพิ่มขึ้นจากระดับต่ำกว่าปกติของไตรมาส 2 และ 3 เนื่องมาจากเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว อีกทั้งยังได้รับปัจจัยสนับสนุนการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกิจกรรมใหม่ๆ จาก ททท.ซึ่งช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของไทยได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำและต้นทุนการเดินทางอื่นๆ ที่ราคาถูกลงช่วยทำให้การเดินทางท่องเที่ยวง่ายขึ้น แม้จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าโลกซึ่งส่งผลให้เศรษฐกิจโลกและการท่องเที่ยวชะลอตัวลงไปบ้าง โดยเฉพาะประเทศไทยเองมีปัญหาในเรื่องอุบัติเหตุของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งภาครัฐและเอกชนที่ได้ช่วยกันประคับประคองและแก้ไขปัญหาร่วมกันมาโดยตลอด ทำให้ในปีนี้ยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศทั้งสิ้นประมาณ 38.25 ล้านคน สร้างรายได้ 2 ล้านล้านบาท เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ตั้งแต่ตอนต้นปี
ทั้งนี้ มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VOA 21 ประเทศ ในช่วงปลายปี มีส่วนช่วยให้ นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1 ล้านคนจากที่ประมาณไว้เดิม ในช่วงไตรมาส 3 คิดเป็นรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 5 หมื่นล้านบาท และไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นเท่ากับ 100 ซึ่งอยู่ในระดับใกล้เคียงปกติอย่างต่อเนื่อง จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาท่องเที่ยวในประเทศประมาณ 40 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5.5 จากปีนี้ และสร้างรายได้ให้กับประเทศสูงถึง 2.3 ล้านล้านบาท
นายชัยรัตน์กล่าวอีกว่า ในต้นปีหน้า สทท.จะมีโครงการร่วมกับทาง สนช.(สภานิติบัญญัติแห่งชาติ) คือ โครงการ We Care About You โดยจะเลี้ยงอาหารไทยให้กับนักท่องเที่ยวจีน 10,000 คน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์และประชาสัมพันธ์อาหารไทยในตลาดโลก รวมถึงจะมีการสร้างสถิติโลกในการจัดทำข้าวเหนียวมะม่วงที่หนักที่สุดในโลก (Guinness Book World Record) เมนูขนมไทยที่ติดอันดับ 50 ขนมอร่อยจากทั่วโลกจากการจัดอันดับล่าสุดของ CNN
ดังนั้นทางสทท.อยากให้คนไทยทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างวัฒนธรรมในการรับประทานอาหารท้องถิ่นที่ใช้วัตถุดิบจากภายในพื้นที่ เพื่อให้การท่องเที่ยวเป็นการได้ไปสัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของที่นั่นจริงๆ และเป็นการกระจายรายได้สู่พื้นที่อย่างยั่งยืน
ส่วนการสำรวจความเห็นทั้งผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยวชาวไทย และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติพบว่า ปัญหาหลักที่ควรได้รับการแก้ไขคือการบริการขนส่งสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีไม่เพียงพอและไม่ได้มาตรฐาน เช่น การนำระบบบริการรถสาธารณะแบบ Grab/Uber แบบถูกกฎหมายและขยายไปยังรถโดยสารประเภทอื่น (รถตู้ รถสองแถว) เพื่อเพิ่มการบริการ และเพิ่มความสะดวกในการติดต่อ และควบคุมดูแลมาตรฐานได้ สทท.จึงขอเสนอให้ภาครัฐควรร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สร้างมาตรฐานให้แหล่งท่องเที่ยวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวเพื่อให้ได้มาตรฐานสากล มีความปลอดภัยและนักท่องเที่ยวไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากการซื้อสินค้าและบริการ รวมทั้งเร่งพัฒนาระบบการเดินทางสาธารณะเพื่อเข้าถึงในแหล่งท่องเที่ยว โครงการเสริมสร้างและบำรุงรักษาสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวเมืองหลักและเมืองรอง เพื่อบูรณาการให้ยั่งยืน ป้องกันปัญหาเกิดแหล่งเสื่อมโทรมในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว ประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างกิจกรรมเพื่อแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆในชุมชนเมืองรอง
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com