วิธีดูแลผู้ป่วยสูงอายุไม่ให้กระดูกหัก

happy-old-people

ผู้สูงวัยถือเป็นวัยที่มีความเสี่ยงต่อการหกล้มและนำมาสู่การบาดเจ็บทางร่างกายมากที่สุดโดยเฉพาะการหกล้มที่ถึงขั้นทำให้กระดูกหักในวัยนี้ ดังนั้นลูก ๆ หลาน ๆ หรือคนใกล้ตัวควรใส่ใจดูแลอย่างใกล้ชิด มิฉะนั้นแล้วอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาและอาจส่งผลก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตได้

Dr.Prapan Komolmal11

นพ.ประพันธ์ โกมลมาลย์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ-การบาดเจ็บของกระดูก  โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า  การเกิดกระดูกหักในผู้สูงอายุ มักมีปัจจัยส่งเสริมทั้งสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ลักษณะทางเดินในบ้าน แสงสว่างภายในบ้าน ราวจับยึดเกาะภายในบ้าน การปูพื้นบ้าน และปัจจัยจากตัวผู้ป่วยเองซึ่งได้แก่ การบกพร่องการมองเห็น การทรงตัว ภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังบางอย่าง การใช้ยาบางชนิดรวมไปถึงความแข็งแรงของกระดูก

ทั้งนี้ผู้สูงอายุในเพศหญิงมักจะมีความเสี่ยงต่อกระดูกหักได้มากกว่าเพศชาย โดยมีปัจจัยเสี่ยง มาจาก  หญิงวัยหมดประจำเดือน หรือตัดรังไข่ออกทั้ง 2 ข้าง, คนที่ไม่ชอบออกกำลังกาย , กินอาหารที่มีแคลเซียมน้อย อาหารที่มีไขมันมาก จะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียม , สูบบุหรี่จัด ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน เช่น กาแฟ น้ำชา ในปริมาณมาก ๆ เป็นประจำ ผู้ที่กินยาบางชนิด ซึ่งทำให้การดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายลดลง เช่น ยารักษาไทรอยด์ ยาพวกสเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น , ผู้ที่ป่วยเป็นโรคที่เกิดจากการทำงานของต่อมไร้ท่อผิดปกติ เช่น โรคไทรอยด์ โรคเบาหวาน โรคของต่อมหมวกไต หรือการเข้าเฝือกเป็นระยะเวลานาน โรคอัมพฤกษ์ – อัมพาตปัจจัย ซึ่งจะทำให้โครงสร้างของเนื้อกระดูกเสื่อม และทำให้ความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลดลงได้IMG_6197

นพ.ประพันธ์กล่าวด้วยว่า กระดูกหักในผู้สูงอายุที่มักพบได้บ่อยมักเป็นบริเวณช่วงข้อสะโพก ข้อมือ กระดูกสันหลัง โดยมากอาการแต่ละส่วนจะแตกต่างกันไปตามกระดูกที่หัก เช่น ถ้ากระดูกหักบริเวณข้อสะโพกมักจะเคลื่อนไหวไม่ได้ หรือไม่สามารถลงน้ำหนักบริเวณขาด้านนั้นได้ ดังนั้นวิธีการป้องกันในผู้สูงอายุ สำคัญที่สุด คือ การป้องกันโรคกระดูกพรุน ที่ทำให้กระดูกหัก ทั้งนี้ควรมีการตรวจวัดความหนาแน่นมวลกระดูกที่ได้มาตรฐาน เพื่อที่จะรักษาอย่างถูกต้อง รวมไปถึงการปรับสภาวะแวดล้อมภายในบ้านให้เหมาะสมกับผู้สูงอายุด้วย

แต่อย่างไรก็ตามหากผู้สูงอายุเกิดอุบัติเหตุถึงขั้นส่งผลให้กระดูกหักขึ้นมาการรักษาก็จะมีความแตกต่างกัน ตามแต่ละตำแหน่งที่หัก โดยการรักษามีทั้งแบบไม่ผ่าตัดและแบบผ่าตัด ทั้งนี้ปัจจุบันด้วยวิวัฒนาการที่ก้าวไกล ด้วยการผ่าตัดแบบทำลายเนื้อเยื่อน้อย จะช่วยให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็กลง ลดอาการเจ็บแผล และใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดแผล ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เร็วขึ้น.

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....