TGO เผยปี 63 ผู้ประกอบการกว่า 323 รายร่วมลดก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 3.92 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อํานวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก หรือ TGO เปิดเผยผลการดำเนินงานส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกด้วยนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหรือคาร์บอนเครดิตของ TGO ในปีงบประมาณ2563 มีผู้ที่มีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศและขึ้นรับเกียรติบัตรทั้งสิ้น 323 ราย โดยคาดว่าจะสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 3,923,930.14 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งมาจากกลไกและเครื่องมือที่ อบก. พัฒนาและส่งเสริม ดังนี้
1.กิจกรรมชดเชยคาร์บอน มีปริมาณการชดเชยคาร์บอนประเภทองค์กร ผลิตภัณฑ์ การจัดงานอีเว้นท์ และกิจกรรมส่วนบุคคล รวมทั้งสิ้น 166,136 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งกระตุ้นให้เกิดตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจภายในประเทศโดยมีมูลค่าการซื้อขายคาร์บอนเครดิตกว่า 33 ล้านบาท
2. ฉลากคาร์บอน โดยอบก. ได้ทำการพัฒนาฉลากคาร์บอนขึ้น 3 รูปแบบ ได้แก่ เครื่องหมายคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product: FP) เครื่องหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์หรือฉลากลดโลกร้อน (Carbon Footprint Reduction: CFR) และฉลากคูลโหมด (CoolMode) ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวในอาเซียนที่มีระบบการรับรองสอดคล้องตามหลักสากล มีผลิตภัณฑ์ที่ได้ขึ้นทะเบียนทั้ง 3 ฉลาก รวมจำนวน 596 ผลิตภัณฑ์ สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 1,308,240 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า
3. คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization: CFO) เป็นเครื่องมือสำคัญที่สนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำข้อมูลและรายงานปริมาณก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กร โดยองค์กรภาครัฐและอุตสาหกรรมที่ผ่านการรับรองปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรจำนวน 170 องค์กร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 34 แห่ง มีปริมาณที่คาดว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาครัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคเอกชน (อุตสาหกรรมและบริการ) โดยพิจารณาจากแนวทาง/แผนการลดก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดลงได้ 454,417.14 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า
4. โครงการ “การพัฒนาแนวทางลดก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัด” เป็นการส่งเสริมให้มีการจัดทำข้อมูลปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับจังหวัดและจัดทำแผนหรือแนวทางการบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับจังหวัด ซึ่งจากการประเมินศักยภาพการลดก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้จากกิจกรรม/แผนงาน/โครงการลดก๊าซเรือนกระจก ภายในขอบเขตจังหวัด พบว่า ตามแผนหรือแนวทางดังกล่าวของ 5 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ เชียงใหม่ นครราชสีมา สุพรรณบุรี และอุทัยธานี คาดว่าจะสามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 440,667 ตันคาร์บอนไดออกไซต์เทียบเท่า
5. โครงการ “สนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก” (Low Emission Support Scheme: LESS) มี 173 หน่วยงานหลักที่ได้รับการรับรอง รวมจำนวน 242 กิจกรรม สามารถลดหรือกักเก็บปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้ 840,269 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
6. โครงการ “ลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย” (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER) หรือ โครงการ T-VER มีโครงการที่ขึ้นทะเบียนทั้งสิ้น 29 โครงการ โดยมีปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่คาดว่าจะลดได้รวมกัน 714,201 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี และในจำนวนนี้มีโครงการที่ได้ผ่านการรับรองปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก (TVERs) หรือที่เรียกว่า “คาร์บอนเครดิต” จำนวน ๒๓ โครงการ คิดเป็นปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดได้ 568,063 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
จากความสำเร็จดังกล่าว TGO จึงจัดพิธีขอบคุณและมอบประกาศนียบัตรในงาน “ร้อยดวงใจ ร่วมใจลดโลกร้อน” ประจำปี 2563 เพื่อเชิดชูเกียรติผู้ประกอบการและภาคส่วนต่างๆ ที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการบริหารจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศ
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com