@@…กราบสวัสดีคร้าบ…มิตรรักแฟนคลับขาประจำสื่อ INNWhy กับคอลัมน์ก็อสซิปคนแวดวงการประกันภัย SPY MAN สัปดาห์นี้วนกลับมาพบกันตรงกับวันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม 2566 ซึ่งยังคงมีประเด็นหลากหลายเรื่องราวให้ติดตามกันอย่างลึกๆ ลวงๆ ที่เป็นเหมือนจะลับแต่ไม่ลับไปซะมิดสนิททีเดียว!…ด้วยยังมีเสียงลอดเล็ดออกมาให้ได้ยินตามช่องเล็กช่องน้อยของแต่ละองค์กร…กับความเคลื่อนไหวภายในของพวกเขา…ซึ่งอันนั้นก็กลายเป็นประเด็นที่คนภายนอกต่างเงี้ยหูฟังกันไม่จบสิ้นอีกเหมือนกัน…อึ..นะ…อยากรู้ง่ะ!!…@@

@@…ซึ่งก็ต้องบอกว่า…รู้ไว้ใช่ว่า…รู้ไว้เป็นว่า…รู้เขารู้เรา…ไปซะง้าน!!…ไปกันเลยกับล่าสุดปมประเด็นที่มีการหยิบขึ้นมาในวงของการประชุม การประชุมผู้บริหารระดับสูงด้านการประกันภัย ประจำปี 2566 (CEO Insurance Forum 2023) เมื่อสัปดาห์ก่อนที่มีหัวข้อสำคัญที่นำมาถกเป็นข้อสรุปเพื่อหาแนวทางทำร่วมกันถึง 11 ข้อ หนึ่งในนั้นมีเรื่องราวของ “การแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำความผิดของตัวแทนประกันภัยหรือนายหน้าประกันภัย” ขึ้นอย่างน่าสนใจ…เพราะกลายเป็นประเด็นแรกๆ ที่ “สื่อ” พากันนำมาขยายความเพิ่มกันอย่างเป็นวงกว้างในทันที!! @@

@@…เพราะทาง “สำนักงาน คปภ.” ก็สรุปกล่าวบนเวทีว่า หากทำกันสำเร็จขึ้นมาจริงๆ ก็จะนำไปสู่การ “เก็บรวบรวมข้อมูล” ที่เป็น “แบล็คลิสต์” (Blacklist) หรือบัญชีดำให้แก่ภาคธุรกิจประกันภัยเพื่อเป็น “การป้องกัน” การฉ้อฉลประกันภัย ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอนาคตได้…และที่สำคัญวันนี้…มันเป็นอยู่แต่ยังควบคุมกันไม่สำเร็จ…และมีการพูดคุยกันไปจนถึงประเด็น “ออกบัตร” รับรองการันตีความใสสะอาดของคนกลางประกันภัยให้เป็น “บัตรเขียว” และ “เหลือง” กับ “แดง” ตามลำดับของคดีความอีกด้วย…@@

@@…นำมาสู่การสอบถามเพิ่มเติม “นอกวงประชุม” อย่างหลากหลาย…จนได้ที่มาของประเด็นที่ว่า “ลับ ลวง” กันรึป่าว…เพราะเอาเข้าจริงๆ การที่ “บริษัทประกันฯ” บางบริษัทยังมีพฤติกรรม “หลับตาข้างหนึ่ง” กับพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์และส่อเสียดไปทางที่จะถูกขึ้นแบล็คสิสต์ถอดใบอนุญาตของ “คนกลาง” นั้น…มันหมายถึงอะไร…”คนคปภ.” ก็ออกท่าทีบอกเป็นนัยๆ ว่า…มันก็เหนื่อยอยู่กับการจะให้เป็นกฎระเบียบข้อปฏิบัติออกมาใช้ในเร็วๆ นี้…แต่ถ้า CEO ทุกบริษัทเอาด้วย…ก็คงเกิดขึ้นได้!! กับ “สมาร์ทการ์ดคนกลางประกันภัย”...หล่ะคร้าบทั่น!! @@

@@…เรื่องนี้ ทำนองนี้ ยังแตกหน่อแตกประเด็นออกไปอีกหลายเรื่องหลายราวท่ามกลางบรรยากาศการประชุมของเหล่า CEO ผู้นำองค์กรประกันภัยต่างๆ ที่ยังอยู่ในอารมณ์กันอยู่…โดยเฉพาะปมประเด็นการ “รีครูทข้ามค่าย” ที่มีกลุ่มตัวแทนกลุ่มหนึ่งกำลังใช้สื่อโซเชียลรีครูทเพื่อนในอาชีพจากบริษัทเพื่อนบ้านเข้ามาอย่างโจ๋งครึ่มบนเพจเฟสบุ๊ค…และหากใครไป “กดไลค์” พวกเขาก็จะพยายามติดตามกลับเพื่อ “ติดต่อ” แล้วชวนเข้าไปรับฟังโครงการ “หอบเงิน 10 ล้านกลับบ้าน” กันอย่างชนิดที่ว่า ทำกันง๊ายง่ายง้านหล่ะ…@@

@@…กำลังมีประเด็นนี้เกิดขึ้นกับแวดวง “ตัวแทนประกันชีวิต” ที่ตัวแทนผู้มีใบอนุญาตทั้งหลาย…กำลังถูกไล่ล่าชวนให้ไปร่วมโครงการพิสดารพันลึกอย่างนี้…ซึ่งแต่ละคนต่างมี “เหลี่ยม” กันละมุม…ที่จะใช้เป็นวาทะชวน “ตัวแทนอกหัก” ทั้งหลายไปร่วมทีมของตัวเอง…เรื่องนี้!! มองได้หลากหลายมิติ…มิติหนึ่งคือ…คนที่ถูกรีครูท…ถ้ามีสติสตังดีอยู่ ก็จะรับรู้ได้ว่า…อนาคตมันไม่จิรัง!! ไม่ยั่งยืน!! เพราะความสำเร็จในอาชีพตัวแทนจะไม่ขายประกันแล้วจะได้เงิน 10 ล้านบาทกันแป๊บๆ นั้น…มันไม่มีจริงๆ แน่นอน…!! @@

@@…อีกมิติหนึ่งคือ…คนรีครูท!!…ก็ช่างสรรหาสร้างสถานการณ์ “ชักชวน” เพื่อนให้ไปร่วมทีมตัวเอง…ทั้งที่รู้ๆ อยู่ว่า…พฤติกรรมโจ๋งครึ่มแบบนี้…เขาไม่ทำกัน!! เมื่อมีการตรวจสอบไปยัง “CAO” และหรือ “CEO” ของบริษัทฯ แน่นอนคำตอบที่จะได้รับคือ…ไม่ทราบว่ามีการแอบอ้างทำกันแบบนี้…บริษัทไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น!! ซึ่งนั่นคนที่เดือดร้อนคือ… “หัวหน้าทีมเก่า” ที่ถูกรีครูทลูกน้องไปอย่างเต็มๆ แล้วก็ทำอะไรไม่ได้นอกเสียจาก “ร้องเรียน” แต่เหมือนจะเป็นแค่เสียงนกตัวน้อยๆ ที่ส่งเสียงไปเท่าไหร่…ใครก็ไม่ได้ยินน่ะน๊า…@@

@@…อีกมิติหนึ่งคือ…ทุกฝ่ายยอมรับความจริง!! ว่าเรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมแวดวงประกันภัยนี้มีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…หายไปเป็นบางช่วง…ดังกระหื่มขึ้นบางเวลา…หากว่ามีโอกาสหรือจังหวะหนุนส่งให้การรีครูทข้ามค่ายมีการไหล่บ่าอย่างทะลักทลาย…ซึ่ง “ผู้ใหญ่” ในอุตสาหกรรมให้ข้อคิดมาว่า…ความจริงที่จะเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ตลอดเสมอมาคือ…คนที่ย้ายค่ายแล้วไปรอดจนรุ่งโรจน์ในอาชีพอย่างจริงจังได้ไม่กี่คน (1ใน 100 ประมาณนั้น) โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ 2 อย่างคือ…1.วัฒนธรรมบริษัทใหม่ และ 2. นิสัยส่วนตัวของผู้ย้ายค่ายเอง…@@

@@…ถ้าวัฒนธรรมการทำงานของ “บริษัทใหม่” ไม่เอื้อสนุนสนับให้เกิดการเติบโตอย่างแท้จริง ซึ่งต้องรวมถึง โครงสร้างผลตอบแทน ผลิตภัณฑ์ และโค้ชนำทีมด้วย บวกกับ “นิสัยการทำงาน” ของผู้ย้ายเข้าไปไม่เอาอ่าว ไม่มีความมุ่งมั่น ไม่มีความพยายาม ไม่เรียนรู้ทักษะผลิตภัณฑ์ใหม่ และอีกหลายๆ “ไม่” ความสำเร็จก็จะยากเป็น 1 ใน 100 เช่นกัน…แล้วส่วนใหญ่คนที่ย้ายค่ายแบบ “เอาเงินเป็นที่ตั้ง” ในที่สุดความล้มเหลวไร้เกียรติก็จะมาแทนที่ความคาดหวังสำเร็จ…และที่สำคัญ “ลูกค้า” ก็จะหมดศรัทธาไม่เชื่อถือในการทำหน้าที่ของตัวแทนคนนั้นๆ ไปอย่างน่าเสียดาย…@@

@@…จากมิติมุมมองที่ว่ามา…ก็คงหนีความจริงไม่พ้น!!…แต่เมื่อทุกคนอยู่ในแวดวงเดียวกันเป็นหมู่คณะ…ก็จำเป็นอยู่ว่า “ต้องปฏิบัติ” ไปตามครรลองคลองธรรมเดียวกัน…อย่างจริงใจต่อหน้าและลับหลัง…คนที่พยายาม “เข้าใจ” ความจริงและเรียนรู้แก้ไขทุกปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะ “ไม่พลัดตก” จากบันไดที่พาดกำแพงเส้นทางความสำเร็จ “ที่ถูกต้อง” แล้วไปอยู่บนเส้นทางอันตรายล่อแหลม ในที่สุดก็ต้อง “เริ่มต้น” ไม่จบสิ้นอีก…เอาเป็นว่าสถานการณ์ “ย้ายค่าย” ที่รีครูทเตอร์ทำงานกันอย่างบ้าคลั่งในวันนี้…สักวันก็จะเงียบซาลงอีกรอบวัฏจักร!! สวัสดี!! @@                                                                    

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....