ศูนย์วิจัยกสิกรฯคาดลงทุน “อสังหาฯ” สังคมสูงวัยอีก 3 ปีพุ่ง 6 พันลบ.
มูลค่าลงทุนสะสมแตะ 2.7หมื่นลบ.ปี 63
รายงานข่าวจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า จำนวนผู้สูงอายุที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงสัดส่วนประชากรสูงอายุต่อประชากรรวมเข้าใกล้ร้อยละ 20 บ่งชี้ว่าประเทศไทยกำลังเปลี่ยนผ่านไปสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ที่นำมาซึ่งความต้องการที่อยู่อาศัยที่เอื้อต่อผู้สูงอายุมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์น่าจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั่วไป ที่มีฟังก์ชั่นที่เอื้อต่อการอยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุเนื่องจากเป็นเซ็กเมนต์ที่มีตลาดขนาดใหญ่ ทั้งกลุ่มครอบครัวที่อยู่ร่วมกับผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยทั่วไป ที่จะกลายเป็นผู้สูงอายุในอนาคต
สำหรับการพัฒนาโครงการ Retirement Community เพื่อเจาะตลาดผู้สูงอายุโดยเฉพาะ ก็น่าจะขยายตัวโดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า แผนการลงทุนโครงการ Retirement Community ขนาดใหญ่ น่าจะส่งผลให้มูลค่าการลงทุนโครงการ Retirement Community ปี 2561-2563 คิดเป็น 6,000 ล้านบาท และหนุนให้มูลค่าการลงทุนโครงการ Retirement Community สะสมในประเทศไทยแตะ 27,000 ล้านบาทในปี 2563 โดยปัจจัยแห่งความสำเร็จในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุได้อย่างยั่งยืน น่าจะอยู่ที่การให้บริการด้านอื่นๆ อย่างครอบคลุมตลอดชีวิตของผู้สูงอายุ เช่น บริหารจัดการด้านการเงิน ดูแลรักษาผลประโยชน์ต่างๆ อำนวยความสะดวกด้านกฎหมาย เป็นต้น ที่ผู้ประกอบการต้องมีการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เพื่อสร้างความพร้อม และสร้างความน่าเชื่อถือ ซึ่งน่าจะสามารถดึงดูดผู้สูงอายุให้เกิดความไว้วางใจ และเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในบั้นปลายชีวิตได้
ทั้งนี้ การลงทุนพัฒนาโครงการ Retirement Community เริ่มคึกคักขึ้นในปี 2555-2560 ที่ผ่านมาทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม ในทำเลชานเมืองและต่างจังหวัด สอดคล้องกับกระแสการเป็นสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย โดยประมาณการ มูลค่าการลงทุนโครงการ Retirement Community คิดเป็น 17,700 ล้านบาท ส่งผลให้การลงทุนโครงการ Retirement Community สะสมตั้งแต่ในอดีตจนถึงปี 2560 คิดเป็นมูลค่ารวม 21,000 ล้านบาท โดยผู้ประกอบการที่ลงทุนพัฒนาโครงการ ดังกล่าวรายใหม่ๆ ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่สร้างความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับผู้ให้บริการด้านการแพทย์ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดโครงการ Retirement Community มีความหลากหลายมากขึ้นกว่าในอดีต ที่ส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนจากบุคลากรทางการแพทย์ที่สนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานด้วยว่า แม้จำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่ส่วนใหญ่ยังมีรายได้ในระดับต่ำและมีระดับการออมที่ไม่สูงมากนัก ซึ่งเป็นข้อจำกัดในการซื้อที่อยู่อาศัยในบั้นปลายชีวิต ประกอบกับการซื้อที่อยู่อาศัยเป็นการใช้ เงินลงทุนระดับสูง และเป็นการลงทุนระยะยาว อาจส่งผลให้ผู้สูงอายุเกิดความลังเลจึงส่งผลให้ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการ Retirement Community หันมาขยายตลาดผู้สูงอายุชาวต่างชาติเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี มองว่า การออมส่วนบุคคลและสัดส่วนการออมส่วนบุคคลเทียบกับรายได้พึงจับจ่ายใช้สอยส่วนบุคคลของประชากรไทย น่าจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับการเผยแพร่ความรู้ด้านการวางแผนทางการเงินส่งผลให้ประชากรน่าจะเริ่มวางแผนอนาคตวัยเกษียณเร็วขึ้นและจำนวนผู้สูงอายุที่มีรายได้ปานกลางขึ้นไปน่าจะเพิ่มสูงขึ้น ในอนาคตสะท้อนโอกาสสำหรับตลาดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในระยะยาว
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com