คปภ. เผย “นครพนมโมเดล” ช่วยเยียวยารถยนต์ นาข้าว บ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วม
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่ได้เกิดเหตุอุทกภัยขึ้นในหลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งสำนักงาน คปภ. ได้มีการบูรณาการความร่วมมือกับภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมประกันภัยทั้ มีการสนธิกำลังลงพื้นที่ในภาคอีสาน นำร่องที่จังหวัดนครพนมเพื่อมอบเครื่องอุปโภค บริโภค รวมถึงน้ำดื่มในการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัย พร้อมทั้งกำหนดเป็น “นครพนมโมเดล” เพื่อให้เป็นแนวปฏิบัติสำหรับจังหวัดอื่นๆ ทั้งในการเยียวยาผู้ประสบภัย และการเร่งประสานงานการสำรวจภัยและการประเมินความเสียหาย รวมทั้งประสานติดตามเร่งรัดให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทน อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรม
ทั้งนี้จากการมอบหมายให้สำนักงาน คปภ. ส่วนภูมิภาคทั่วประเทศติดตามและรายงานความเสียหายรวมถึงประสานงานอย่างใกล้ชิดกับบริษัทประกันภัยในการเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ประสบภัย จากรายงานเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2560 พบว่ามีพื้นที่ความเสียหายทั้งสิ้น 36 จังหวัด ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ประกาศภัยพิบัติ จำนวน 329 อำเภอ และที่ไม่มีการประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติอีกจำนวน 141 อำเภอ มีรถยนต์ที่มีประกันภัยและได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 1,341 คัน คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 180,393,726.36 บาท ซึ่งบริษัทประกันภัยได้ดำเนินการรับผิดชอบจัดซ่อมรถยนต์ทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่บ้านเรือนที่มีประกันภัยและได้รับความเสียหายมีจำนวนทั้งสิ้น 159 หลัง คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 71,260,838.89 บาท บริษัทประกันภัยได้ดำเนินการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนครบทุกหลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับความเสียหายต่อนาข้าวที่มีประกันภัย มีจำนวนทั้งหมด 1,015,579.53 ไร่ คิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 582,850,206.54 บาท ซึ่งบริษัทประกันภัยได้ดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนครบถ้วนแล้วเช่นกัน ทั้งนี้ตนได้ร่วมเป็นสักขีพยานในการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2560 ในงานพิธีเปิดที่ทำการแห่งใหม่ของสำนักงาน คปภ. ภาค 5 (อุบลราชธานี) และสำนักงาน คปภ. จังหวัดอุบลราชธานี ตั้งอยู่เลขที่ 131 ถนนศรีณรงค์ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่าสำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้เป็นอย่างมาก จึงอยากให้ทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการประกันภัยและใช้ระบบประกันภัยในการบริหารความเสี่ยงและบรรเทาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งในกรณีของอุทกภัย กรมธรรม์ประกันภัยที่ให้ความคุ้มครอง ได้แก่ กรมธรรม์ประกันอัคคีภัย และซื้อความคุ้มครองภัยธรรมชาติเพิ่มเติม กรมธรรม์ประกันอัคคีภัยที่อยู่อาศัยแบบประหยัดสำหรับรายย่อย (ไมโครอินชัวรันส์) กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ ภาคสมัครใจ (ประเภท 1) หรือกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจประเภทอื่นที่ซื้อความคุ้มครองภัยน้ำท่วมหรือภัยธรรมชาติเพิ่มเติมกรมธรรม์ประกันความเสี่ยงภัยทรัพย์สิน (IAR) รวมถึงกรมธรรม์ประกันชีวิต สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2560 ที่เกษตรกรได้ซื้อไปแล้ว จะได้รับความคุ้มครองจากภัยน้ำท่วมหรือฝนตกหนักด้วย ซึ่งเกษตรกรจะได้รับวงเงิน
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com