เลขาฯคปภ.วาง 5 กรอบขับเคลื่อนประกันสุขภาพ

เพิ่มเพื่อน

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ทิศทางและนโยบายในการส่งเสริมอุตสาหกรรมประกันภัย ประจำปี 2562” โดยได้ฉายภาพทิศทางนโยบายของสำนักงาน คปภ. ที่จะขับเคลื่อนธุรกิจประกันภัยในปี 2562 ที่กำหนดให้เป็นปีแห่ง “การพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมประกันภัยให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง” ควบคู่กับ           “การกำกับและตรวจสอบอย่างสมดุลโดยไม่เพิ่มภาระให้กับผู้ประกอบการ” ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของธุรกิจประกันภัย เร่งสร้างความรู้ความเข้าใจและความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อธุรกิจประกันภัย โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นตัวขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ ผ่านแนวคิด 7 ส. ประกอบด้วย 

ส. แรก คือส่งเสริมการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย อาทิ ขยายขอบเขต Insurance Regulatory Sandbox พัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางด้านการประกันภัย (Insurance Bureau System : IBS) จัดทำฐานข้อมูลเกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัย (Fraud Database) พัฒนา Application “Me Claim” และพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์ด้านประกันภัย (Insured Right Protection Management System)

ส. สอง คือส่งเสริมการลงทุนและขยายธุรกิจในต่างประเทศ เช่น ปรับปรุงประกาศลงทุนเพื่อสร้างโอกาสสำหรับธุรกิจประกันภัยไทย จัดทำแผนงาน ASEAN Micro Insurance Product เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยมาตรฐานในภูมิภาคอาเซียนภายใต้เงื่อนไขและเบี้ยประกันภัยเดียวกัน และผลักดันประเทศไทยให้เป็น Reinsurance Hub เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการประกันภัยต่อในภูมิภาคอาเซียน 

ส. สาม คือส่งเสริมให้อุตสาหกรรมประกันภัยมีเสถียรภาพ ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน ซึ่งรวมถึงการพัฒนาระบบขอรับความเห็นชอบกรมธรรม์ประกันภัยผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (I-SERFF) ปรับปรุงกระบวนการเห็นชอบกรมธรรม์ประกันภัยให้รวดเร็วยิ่งขึ้นสร้างแบบจำลองการประเมินความเสี่ยงด้านมหันตภัยต่อธุรกิจ       ประกันวินาศภัย (Flood Model) ออกแนวปฏิบัติการกำกับตัวแทน/นายหน้าประกันชีวิต และจัดระบบเข้าตรวจสอบแบบ Proactive ซึ่งประกอบด้วยแนวทาง “ติดตาม เท่าทัน ป้องกันและรับมือ”

ส. สี่ คือส่งเสริมและเตรียมความพร้อมให้ธุรกิจประกันภัยพร้อมรับกติกาสากล ด้วยการบังคับใช้มาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 เรื่อง สัญญาประกันภัย (IFRF) ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในปี 2565 และดำเนินการปรับปรุงแก้ไขตามข้อแนะนำจากการประเมิน FSAP เช่น ขยายกรอบการกำกับดูแลเรื่องแนวปฏิบัติทางธุรกิจของบริษัทประกันภัยและคนกลางประกันภัย (Conduct of Business)

ส. ห้า คือส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่รองรับสังคมผู้สูงอายุ ผลิตภัณฑ์พืชผลทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์ประกันภัยประมง และกรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย เช่น การประกันภัยเคหะไมโคร

เพิ่มเพื่อน

ส. หก คือส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานด้านกฎหมาย โดยเริ่มจากการผลักดันกระบวนการออกกฎหมาย ได้แก่ ร่างกฎหมายแม่บทกลุ่มที่ 2 ซึ่งเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับการเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงของบริษัทประกันภัย ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ศึกษาแนวทางพัฒนากฎหมายสำหรับการประกันภัยทางการเกษตร ปศุสัตว์ และประมง ที่เหมาะสมกับประเทศไทย ตลอดจนศึกษาแนวทางการจัดทำกฎหมายเกี่ยวกับการประกันสุขภาพเพื่อยกระดับการประกันสุขภาพให้มีประสิทธิภาพ และมีมาตรฐานเดียวกัน

รวมทั้งจะให้ความสำคัญกับเรื่องของ Regulatory Guillotine เพื่อทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายประกันภัยที่ใช้ในการกำกับดูแล โดยทบทวนความเหมาะสมของกฎหมายที่ใช้ในการกำกับดูแลทั้งหมด 361 ฉบับ และดำเนินโครงการศึกษา Regulatory Impact Assessment เพื่อวิเคราะห์ต้นทุน อุปสรรคและประสิทธิภาพของกฎระเบียบในปัจจุบันเพื่อปรับแนวคิดในการกำกับดูแลและเปลี่ยนกระบวนการทำงานให้สอดรับกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

นอกจากนี้จะมีการศึกษาสภาพแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของสำนักงาน คปภ. และธุรกิจประกันภัยไทยในระยะ 10 ปี เพื่อให้ได้ข้อมูลจัดทำแผนพัฒนาการประกันภัยฉบับที่ 4 ซึ่งจะเป็นแผนแม่บทในการกำหนดแนวทางการพัฒนาธุรกิจประกันภัยที่ตอบโจทย์ ปัจจัยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปทั้ง Technology Disruption และ Aging Society รวมทั้ง กติกาตามมาตรฐานสากล เพื่อกำหนดแนวทางการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถของธุรกิจประกันภัยไทยให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล รวมทั้งศึกษาแนวทางการจัดตั้งกองทุนภัยพิบัติอีกด้วย

ส. สุดท้าย คือสุขภาพ ซึ่งเป็นเรื่องที่สำนักงาน คปภ. มีความมุ่งมั่นที่จะผลักดันเป็นอย่างมากเพื่อยกระดับการประกันสุขภาพของไทยสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยกำหนดเป็น 5 มิติ กล่าวคือ มิติที่หนึ่ง ปรับปรุงสัญญาประกันสุขภาพให้สอดคล้องกับวิทยาการทางการแพทย์ มีรายการความคุ้มครองที่ปรับเปลี่ยนตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข

มิติที่สองพัฒนาปรับปรุงอัตราเบี้ยประกันภัยให้มีความยืดหยุ่น สะท้อนตามต้นทุนของประเภทความคุ้มครอง พร้อมเปิดเผยข้อมูลของผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพแก่ประชาชน มิติที่สาม กำหนดให้ภาคธุรกิจมีรูปแบบการเก็บข้อมูลสถิติที่สอดคล้องกับรายการความคุ้มครองที่ปรับปรุงใหม่ เพื่อให้ภาคธุรกิจประกันภัยมีสถิติในการคำนวณอัตราเบี้ยประกันสุขภาพอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมกับประชาชน มิติที่สี่ จัดทำคู่มือแนวปฏิบัติเกี่ยวกับสัญญาประกันสุขภาพที่ปรับปรุงใหม่ เพื่อลดปัญหาเรื่องร้องเรียนและการชดใช้ค่าสินไหมที่เกิดจากการรับประกันสุขภาพ มิติที่ห้า ศึกษาแนวทางการจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวกับแนวทางการประกันสุขภาพ เพื่อเป็นแนวทางป้องปราบไม่ให้เกิดการกระทำที่เป็นการฉ้อฉล รวมถึงกำหนดแนวทางในการดำเนินการหากมีกระทำที่เป็นการฉ้อฉลในการประกันสุขภาพ

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....