เลขาธิการ คปภ. ปลุกพลังตัวแทนประกันชีวิตบนเวที THAIFA

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นประธานเปิดงาน “สัมมนาคณะกรรมการสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน ประจำปี 2561” เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2561 พร้อมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “ทิศทางการกำกับดูแลตัวแทนประกันชีวิต ในยุค 4.0” ให้กับคณะกรรมการและสมาชิกสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน(THAIFA) จำนวนกว่า 370 คนจากทั่วประเทศ โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า ตัวแทนประกันชีวิตถือเป็นผู้ที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ปัจจุบันธุรกิจประกันภัยมีตัวแทนประกันชีวิตกว่า 274,000 คน จึงถือเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจประกันชีวิตไทยเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมามีประเด็นปัญหาเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับตัวแทนประกันชีวิต จึงต้องขอความร่วมมือให้สมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน รวมทั้งตัวแทนประกันชีวิตทุกคนต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นไว้วางใจต่อธุรกิจประกันภัยและยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง เพราะหากผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น ธุรกิจประกันภัยย่อมพัฒนาต่อไปไม่ได้

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า ในปลายปี 2561 ประเทศไทยต้องเข้าร่วมโครงการประเมินภาคการเงิน (Financial Sector Assessment Program : FSAP) ซึ่งจะเป็นการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลเกี่ยวกับการกำกับดูแลธุรกิจสถาบันการเงิน โดยเป็นความร่วมมือระหว่างกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลก (World Bank) ในการเข้ามาประเมินการปฏิบัติที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล สำหรับภาคธุรกิจประกันภัย จะเป็นการประเมินตามมาตรฐานสากลด้านการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย หรือที่เรียกว่า Insurance Core Principles (ICPs) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงประกาศ คปภ. เกี่ยวกับการออกการเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยของบริษัทประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย และการปฏิบัติหน้าที่ของตัวแทนประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย และนายหน้าประกันชีวิต/ประกันวินาศภัย ให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานสากลยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการปรับปรุงมาตรการในการกำกับดูแลตัวแทนประกันภัยให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ล่าสุดสำนักงาน คปภ. ได้ปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติประกันชีวิตและพระราชบัญญัติประกันวินาศ เกี่ยวกับการฉ้อฉลประกันภัยซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีและอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของสนช. โดยในอนาคตหากตัวแทนประกันภัยกระทำผิด นอกจากจะถูกเพิกถอนใบอนุญาตแล้ว ถ้าการกระทำเข้าองค์ประกอบความผิดเรื่องการฉ้อฉลประกันภัยก็อาจถูกดำเนินคดีจนถึงขั้นจำคุกและปรับอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ตัวแทนประกันชีวิตต้องปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งปัจจุบันมีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด ทำให้ภาคธุรกิจรวมทั้งธุรกิจประกันภัยมีการต่อยอดนำเอาเทคโนโลยีมาใช้เรียกว่า “InsurTech” โดยธุรกิจประกันภัยไทยได้มีการพัฒนาขีดความสามารถในด้านเทคโนโลยีไม่ว่าจะด้วยตัวเอง หรือผ่านความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ จึงขอเตือนให้ตัวแทนประกันชีวิตปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องปฏิบัติให้ทันกับเทคโนโลยี 5 ต้อง คือ ต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนต่อลูกค้า อย่างครบถ้วน เป็นธรรมก่อนและหลังการเสนอขาย โดยคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ และตรงตามเงื่อนไขของสัญญาประกันชีวิต ต้องลดความเสี่ยงจากการขายผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า กรณีเกิดปัญหาเรื่องกรมธรรม์ประกันภัยที่ขายต้องสื่อสารทำความเข้าใจกับลูกค้าเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องไม่ให้ปัญหาลุกลามบานปลาย ต้องเก็บรักษาและปกป้องข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า และต้องปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยี 4.0 ไม่กลัวเทคโนโลยี และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้เป็น เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....