7 เรื่องท้าทายสังคมสูงวัยไทย…ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว
สังคมสูงวัย เป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของคนทำงานที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนก้าวสู่วัยหลังหยุดทำงานไปแล้ว เมื่ออายุ 55 ปีหรือ 60 ปีและต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอีก 10-20 ปี ถามว่าเมื่อถึงวันนั้นเราจะอยู่ให้เกษมช่วงเกษียณได้อย่างไร ท่ามกลางการแพทย์ที่ก้าวล้ำช่วยให้คนเรามีอายุที่ยืนยาวได้มากขึ้นและมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น
มีแง่คิด มุมมอง จากงานสัมมนา เกษียณแบบเศรษฐี สุขภาพดี มีเงินใช้ จัดโดย บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เพื่อแชร์ประสบการณ์และกระตุ้นสังคมไทยวัยทำงานได้มองเห็นเป้าหมายในอนาคตและวิธีวางแผนการเงินและสุขภาพให้พร้อมมาฝากกัน
คุณอุมาพันธุ์ เจริญยิ่ง รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต กล่าวว่า ปัจจุบันสังคมสูงวัยบ้านเราใกล้ตัวกว่าที่คิดไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไปแล้ว ซึ่งมี 7 เรื่องที่เราต้องคำนึงถึงดังนี้
1.คนไทยอายุยืนขึ้น
เมื่อปีพ.ศ. 2528 ผู้ชายไทยมีอายุขัยเฉลี่ย 64 ปี ผู้หญิงมีอายุขัยเฉลี่ย 69 ปี ปัจจุบันนวัตกรรมทางการแพทย์ช่วยให้คนมีอายุยืนยาวขึ้น ผู้ชายมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 75 ปี ผู้หญิงใกล้ 80 ปี ถ้าวางแผนการเงินให้พอใช้ นอกจากมองที่อายุ 80 ปีแล้วจะต้องบวกเพิ่มตามนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ดีขึ้นและอาจจะทำให้เรามีอายุยืนถึง 80-85 ปีได้ เรื่องเงินจึงจำเป็นที่ต้องคิดว่า เราจะมีเงินพอใช้หรือไม่
2.โครงสร้างสังคมเปลี่ยนแปลงไป
สมัยก่อนสังคมไทยเป็นครอบครัวขนาดใหญ่เวลาเจ็บป่วยหวังพึ่งลูกพึ่งหลาน ต่อมาปัจจุบัน คนส่วนใหญ่ที่แต่งงานแล้วมักมีลูกคนเดียว หรือบางครอบครัวเลือกที่จะไม่มีบุตร หรือบางคนเลือกอยู่เป็นโสด ดังนั้นหากเราไม่สามารถพึ่งตัวเองได้ก็ลำบากแล้ว
3.ค่าครองชีพ
ปัจจุบันค่าใช้จ่ายเวลาออกนอกบ้านคิดเป็นเงินหลักหลายร้อย ไม่ใช่หลักสิบเหมือนเมื่อก่อน เป็นผลมาจากเรื่องของเงินเฟ้อ ฉะนั้น กลับมาดูที่เงินเก็บออมของเราถูกที่ถูกทางหรือไม่ ถ้าฝากเงินออมทรัพย์กับธนาคารได้อัตราดอกเบี้ย 0.5% ค่าเงินเฟ้อระยะยาวสมมติย้อนหลัง 10 ปี คิดที่ 2.5% แล้วคิดว่า สิ้นปีดอกเบี้ยที่แท้จริงจะมีเงินอยู่ในกระเป๋าเท่าไหร่ เอา 0.5% – 2.5% เหลือติดลบ -2% เงินเก็บออมของเราถ้าอยู่ไม่ถูกที่ถูกทางก็สู้เงินเฟ้อไม่ได้
4.สวัสดิการภาครัฐ เบี้ยยังชีพ เพียงพอหรือไม่
ถ้าอายุยืนขึ้นไม่ได้ดูแลตัวเองในเรื่องการเงินแล้วคุณจะพึ่งใคร?
อายุ | เบี้ยยังชีพ |
60 ปี | 600 บาท |
70 ปี | 700 บาท |
80 ปี | 800 บาท |
90 ปีขึ้นไป | 1,000 บาท |
5.ผลิตภัณฑ์การเงินมีความซับซ้อนขึ้น
สมัยก่อนใช้จ่ายสบายๆ
ฝากออมทรัพย์ |
ดอกเบี้ย |
รับเงิน |
ใช้จ่ายต่อเดือน |
1,000,000 บาท |
10% |
100,000 บาท |
8,000 -9,000 บาท |
ปัจจุบันเพียงพอหรือไม่
ฝากออมทรัพย์ | ดอกเบี้ย | รับเงิน | ใช้จ่ายต่อเดือน |
1,000,000 บาท | 1% | 10,000 บาท | 800-900 บาท |
ความยากขึ้นของการวางแผนเกษียณ อยู่ที่ว่า เงินของเราอยู่ถูกที่ถูกทางหรือไม่ รับความเสี่ยงได้หรือไม่ เก็บออมเงินได้เพียงพอหรือไม่
6.คนเกษียณอายุเร็ว
คำว่า เกษียณอายุเร็ว แปลว่า ระยะเวลาเก็บเงินของเราสั้นลง สมัยก่อนจบไม่ถึงปริญญาตรีสามารถทำงานได้แล้ว บางคนมีอายุทำงาน 42-43 ปี มีเวลาเก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณได้นานขึ้น แต่ปัจจุบัน กว่าเรียนจบ หางานทำได้อายุเริ่มๆใกล้ๆ 30 ปี และอยากเออรี่รีไทร์เมื่ออายุ 55 ปี เท่ากับเหลือเวลาเก็บเงิน 20 กว่าปี ในขณะที่คุณมีเวลาต้องใช้เงินนานขึ้น เป็นสิ่งที่ต้องคิด
7.ค่ารักษาพยาบาลแพงขึ้น
มีสารพัดโรคที่คนไทยเจ็บป่วยมากที่สุดและคร่าชีวิตคนไทยไปเยอะมาก เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ หลอดเลือด ฯลฯ ซึ่งมีค่ารักษาพยาบาลสูง เช่น ผ่าตัด ทำบอลลูนหัวใจมีค่าใช้จ่ายสูงถึงหลักแสนบาทขึ้นไป รวมถึงโรงพยาบาลของรัฐก็มีค่าใช้จ่ายสูงเช่นกัน
สัดส่วนค่ารักษาพยาบาลปัจจุบันโดยรวมสูงมาก โดยในส่วนของค่าใช้จ่ายสุขภาพโดยรวม สมมติ 100 บาท เราจ่ายค่ารักษาพยาบาลไป 75 บาท หรือ 75% ส่วน 25% คือ การป้องกัน หมายถึง เราเน้นรายจ่ายมากกว่าการป้องกัน
จึงเป็นคำถามตามมาว่า ค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลคุณใช้จ่ายกับมันอย่างไร หรือเก็บมาใช้แล้วแทนที่เงินเก็บไว้ใช้จ่ายยามเกษียณกลับต้องมาใช้หมดไปเรื่องของการรักษาพยาบาล
ดังนั้น หลายคนที่กำลังคิดเรื่องวางแผนการเกษียณ ต้องบอกว่า เงินสำหรับค่ารักษาพยาบาลของคนเรายังไม่พอ อย่างมนุษย์เงินเดือนท้ายที่สุดเคยมีประกันสังคม เคยเป็นข้าราชการ เคยเบิกสวัสดิการ ต่อมาหลังเกษียณมองตัวเองว่าไลฟ์สไตล์ของเราไปอยู่ตรงไหน ค่าใช้จ่ายตรงนี้เพียงพอหรือไม่.
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com