ทุกวันนี้มีบริษัทประกันมากมายที่เปิดบริการใหม่เพื่อเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริโภค สำหรับประกันมะเร็งเป็นอีกหนึ่งประกันที่ขายดีที่สุดในทั่วโลก เหตุผลเพราะว่าในแต่ละปีมะเร็งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้คนเสียชีวิตอย่างน้อย 1 ใน 6 ของคนทั่วโลก ถือว่าเป็นสัดส่วนการเสียชีวิตที่สูงมาก

ขณะที่การรักษามะเร็งไม่ว่าจะอยู่ในระยะไหน และการรักษาด้วยวิธีไหนก็ตาม จะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก  ซึ่งบทความของ Lauren Serafinon บนเว็บไซต์ mesothelioma.com ได้ระบุว่า มะเร็งเป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูงมากเป็นอันดับต้นๆ เทียบกับโรคประเภทอื่นที่มีการรักษาอย่างต่อเนื่อง

นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมการทำประกันมะเร็งถึงได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในปัจจุบันประกันมะเร็งเป็น Top 5 ของประกันที่มีคนยอมจ่ายมากที่สุด วันนี้คอลัมน์ Misssuree  Review ได้หยิบ 5 เรื่องที่ควรเช็กก่อนตัดสินใจซื้อประกัน โดยข้อมูลนี้เปิดเผยจาก insurancedekho แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อเปรียบเทียบกรมธรรม์ประกันภัยจากบริษัทประกันภัยชั้นนำต่างๆ ที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งในประเทศอินเดีย มาเป็นความรู้กัน มีอะไรบ้างติดตามกันได้เลยค่ะ

 

  • การคุ้มครองครอบคลุมมากแค่ไหน

เหตุผลอันดับ 1 ของคนที่ทำประกันมะเร็งคือ ไม่ต้องการจ่ายเงินเป็นก้อนใหญ่เมื่อตรวจพบเจอมะเร็ง ดังนั้น แผนประกันที่ครอบคลุมมากที่สุดคือสิ่งที่เราตามหา ครอบคลุมอย่างไร? ในบทความนี้หมายถึง การรักษาที่รวมตั้งแต่ต้นคือ ตรวจพบเจอมะเร็ง จนไปถึงขั้นตอนการทำเคมีบำบัด และยารักษามะเร็ง (เพราะมีราคาแพงมาก)

นอกจากนี้ ประกันมะเร็งที่ดีต้องมีความคุ้มครองพื้นฐาน อย่างเช่น ค่าใช้จ่ายก่อนและหลังการรักษาในโรงพยาบาล, ค่าพยาบาล, ค่าห้องพักในโรงพยาบาล, ค่าธรรมเนียมศัลยแพทย์หรือที่ปรึกษา เป็นต้น

  • ประเภทและระยะของมะเร็งที่คุ้มครอง

เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องอ่านอย่างละเอียดเพราะไม่ใช่ประกันมะเร็งทุกบริษัทที่จะคุ้มครองการรักษาจนถึงระยะที่ 4” (ระยะแพร่กระจาย/ระยะวิกฤต) เนื่องจากใช้เงินในการรักษาค่อนข้างสูง ใช้เวลานาน และความถี่ในการรักษาตัวสูงกว่าระยะอื่น

ขณะที่ประกันมะเร็งจำนวนมากใช้วิธีการจ่ายเงินตามขั้นตอนการรักษาดังนั้น สิ่งที่ผู้ซื้อประกันต้องคิดให้ดีก็คือ เรามีเงินเพียงพอหรือไม่ที่จะใช้จ่ายค่ารักษาในระยะสั้น คือ ช่วงขั้นตอนระหว่างการรอเงินชดเชย ซึ่งผู้ซื้อประกันต้องทราบระยะเวลาที่ต้องรออย่างชัดเจน

  • ระยะเวลาที่รอหลังจากซื้อกรมธรรม์

ระยะเวลารอหมายถึงช่วงเวลาหนึ่งหลังจากที่ซื้อกรมธรรม์ ซึ่งเราจะไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ ขั้นตอนนี้เป็นสิ่งสำคัญมากที่ต้องติดตามผู้แทนประกัน และก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อประกัน ดังนั้น วิธีที่ฉลาดเลือกก็คือ เลือกระยะเวลาในการรอที่สั้นที่สุด ซึ่งโดยปกติระยะเวลาที่รอปกติจะอยู่ที่ 3-6 เดือน

  • การยกเว้นเบี้ยประกันภัย

ปัจจุบันมีหลายแผนประกันมะเร็งที่ยกเว้นเบี้ยประกันในระหว่างการวินิจฉัยโรค ดังนั้น ปัจจัยที่ควรต้องเก็บไปพิจารณาก่อนซื้อประกันมะเร็ง ก็คือผู้ซื้อประกันสามารถยกเว้นเบี้ยประกันได้ในช่วงที่วินิจฉัยโรคหรือไม่ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อ่อนไหว และแผนประกันมะเร็งครอบคลุมขั้นตอนการวินิจฉัยโรคด้วยหรือไม่ หรือมีแผนคุ้มครองสำหรับ Second Opinion ซึ่งก็คือ ผู้ซื้อประกันสามารถตรวจวินิจฉัยซ้ำได้

  • ข้อยกเว้น/ข้อจำกัดของประกัน

ข้อสุดท้ายถือว่าเป็นเรืองสำคัญด้วยเช่นกัน คือ ต้องอ่านอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อยกเว้นภายใต้แผนประกันโรคมะเร็งก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะความคุ้มครองบางทีจะครอบคลุมเพียงทางใดทางหนึ่งเท่านั้น อย่างเช่น มะเร็งในระยะที่ 4 หากลุกลามไปถึงอวัยวัยะส่วนอื่นๆ ในร่างกาย ประกันมะเร็งจะคุ้มครองสูงสุดได้มากแค่ไหน ในระดับใด เป็นต้น

ถึงแม้ว่าเรื่องการซื้อประกันมะเร็งจะดูเป็นเรื่องไกลตัวสำหรับบางคน แต่ถ้าดูจากสัดส่วนของคนไทยจากข้อมูลปี 2563 ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ พบว่ามีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่กว่า 100,000 รายต่อปี เป็นอันดับที่ 16 ของภูมิภาคเอเชีย   ดังนั้นประกันมะเร็งก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งความจำเป็นพอๆ กับประกันประเภทอื่นที่ควรมีติดตัวไว้

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....