“เอเอ็ม เบสท์” คงแนวโน้มตลาดประกันวินาศภัยญี่ปุ่น” ‘stable” เหตุรับประกันมีกำไรหลังขึ้นเบี้ยอัคคีภัยสู้เคลมภัยพิบัติพุ่ง ขณะที่ฐานเงินทุนแข็งแกร่ง รองรับเคลมแผ่นดินไหวเมื่อต้นปีได้ จับตา!เศรษฐกิจมหภาคผันผวนกดดันตลาดประกันใน12เดือนข้างหน้า
เว็บไซต์ Asiainsurancereview รายงานว่า บริษัท เอเอ็ม เบสท์ (AM Best) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลก เผยรายงานหัวข้อ ”แนวโน้มตลาด: การประกันวินาศภัยในประเทศญี่ปุ่น” ที่จัดทำขึ้น โดยยังคงแนวโน้มอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยของญี่ปุ่น”มีเสถียรภาพ “ (stable) เนื่องจากการรับประกันภัยมีกำไรและมั่นคง รวมถึงมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งท่ามกลางความไม่แน่นอนของตลาดการเงิน
เอเอ็ม เบสท์ระบุในรายงานว่า ความพยายามของบริษัทประกันวินาศภัยที่จะเพิ่มกำไรในงานประกันภัยอัคคีภัยเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แนวโน้มอุตสาหกรรมประกันวินาศภัยมีเสถียรภาพ ขณะที่ความเสียหาย(Losses) จากเหตุการณ์ภัยพิบัติครั้งใหญ่ในอดีตได้กดดันผลการรับประกันภัยของการประกันภัยอัคคีภัยอย่างมาก และส่งผลให้ต้นทุนการประกันภัยต่อเพิ่มสูงขึ้นในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ บริษัทประกันวินาศภัยรายใหญ่ในญี่ปุ่นจึงตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อสร้างความยั่งยืนในผลิตภัณฑ์ประกันอัคคีภัยของพวกเขา
อานิสงส์จากการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นให้สอดรับกับต้นทุนสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรับโดยตรงในการประกันภัยอัคคีภัยเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ในปีงบประมาณ 2565
บริษัทประกันวินาศภัยส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นรายงานว่า รายได้เบี้ยประกันภัยปรับตัวดีขึ้นในการประกันภัยส่วนใหญ่ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
เอเอ็ม เบสท์คาดว่า อุตสาหกรรมประกันวินาศภัยของญี่ปุ่นสามารถจัดการกับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในญี่ปุ่นเมื่อต้นเดือนมกราคม 2567 ที่ผ่านมาได้เมื่อเทียบกับฐานกำไรของกลุ่มประกันวินาศภัย เนื่องจากความเสียหายจากการไร้ที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ทางรัฐบาลเข้ามาสนับสนุน
อย่างไรก็ดี แม้ว่าแนวโน้มเบี้ยประกันภัยและความสามารถในการทำกำไรสำหรับตลาดประกันวินาศภัยของญี่ปุ่นคาดว่าจะยังคงมีเสถียรภาพอย่างมากก็ตาม แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคของญี่ปุ่นยังคงสร้างแรงกดดันต่อตลาดประกันภัยในประเทศในระยะ 12 เดือนข้างหน้านี้อยู่
Mr Charles Chiang นักวิเคราะห์การเงินอาวุโสเอเอ็ม เบสท์ ให้ความเห็นว่า “ความไม่แน่นอนที่สำคัญที่สุดเกิดจากความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับอัตราเงินเฟ้อและตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด อัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างต่อเนื่องอาจบีบความสามารถในการทำกำไรของบริษัทประกันวินาศภัย ซึ่งมีแรงผลักดันมาจากสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นในระยะสั้นนี้”
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com