พยากรณ์ 5 ปีข้างหน้า ประกันรถยนต์มาเลเซียขยายตัวต่อเนื่อง ปีนี้โต 8.8% ครองมาร์เก็ตแชร์กว่า 45%   อานิสงส์เศรษฐกิจฟื้น รัฐยกเว้นภาษีดันรถขายกระฉูด แถมยุคเบี้ยแพง จับตา!ปี 2571 เบี้ยประกันทะลุ 3.1 พันล้านเหรียญ ชี้กำไรยังคงท้าทาย หลังโควิดเคลมพุ่งกระฉูด เงินเฟ้อสูง

               เว็บไซต์ Insurance Asia รายงานว่า บริษัท โกลบอลดาต้า (GlobalData) คาดการณ์แนวโน้มตลาดประกันภัยรถยนต์ของมาเลเซียในระยะ5 ปีข้างหน้าจะขยายตัวต่อเนื่อง อัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) 7.5% เบี้ยประกันภัยจาก 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 จะเพิ่มเป็น 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2571

Swetansha Chauhan นักวิเคราะห์ด้านประกันภัยจากโกลบอลดาต้า กล่าวว่า“อุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์ของมาเลเซียเติบโตถึงจุดสูงสุดในปี 2565 เป็นแรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการพัฒนากฎระเบียบที่เอื้อต่อตลาดรถยนต์ ทำให้ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  โดยความต้องการใช้รถยนต์ที่สูงในปีที่ผ่านมา ช่วยให้ประกันภัยรถยนต์เติบโตและคาดว่าปีนี้ยังเป็นแนวโน้มนี้อยู่   ”

โกลบอลดาต้าคาดว่า ในปี 2567 ประกันภัยรถยนต์จะครองส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 45% ของอุตสาหกรรมประกันวินาศภัย ด้วยอัตราการเติบโต 8.8%  เนื่องจากยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้นและราคาเบี้ยประกันภัยปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง             

สมาคมยานยนต์มาเลเซีย (Malaysian Automotive Association (MAA)  รายงานว่า ในปี 2566 ยอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 12.5% โดยมียอดรวมอยู่ที่ 799,731 คัน

“ราคาเบี้ยประกันภัยที่ปรับเพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของประกันภัยรถยนต์  การที่ราคารถยนต์ปรับเพิ่มขึ้นในช่วง2-3 ปีที่ผ่านมาเนื่องจากความต้องการที่มากเกินไปในตลาดและความผันผวนทางเศรษฐกิจทั่วโลก ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยรถยนต์ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย”  

ราคารถยนต์ที่เพิ่มเกิดจากยอดจองรถยนต์ที่ค้างอยู่เป็นจำนวนมากในช่วงที่รัฐบาลประกาศยกเว้นภาษีการขายที่สิ้นสุดในเดือนมีนาคม ปี 2566  ภายใต้มาตรการดังกล่าว รัฐบาลกำหนดว่า หากซื้อรถยนต์ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน ปี 2563  ถึงวันที่ 31 มีนาคม ปี 2566  ถ้าเป็นรถยนต์ที่ประกอบในมาเลเซียได้รับการยกเว้นภาษีการขาย 100% ขณะที่รถยนต์นำเข้าได้รับการยกเว้น 50%

อย่างไรก็ดี ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ปี 2567  รัฐบาลมาเลเซียได้ปรับภาษีบริการกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์เพิ่มขึ้นจาก 6% เป็น 8% ทำให้ต้นทุนของผู้เอาประกันภัยเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการปรับภาษีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อค่าแรงในการซ่อมรถยนต์และค่าบำรุงรักษารถยนต์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยปรับเพิ่มขึ้น

สมาคมประกันวินาศภัยมาเลเซีย  (General Insurance Association of Malaysia (PIAM ) เปิดเผยว่า การเคลมสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้นในปี 2566  ซึ่งเป็นสถาณการณ์ที่กลับสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 โดยอัตราความเสียหาย(Loss Ratio) ประกันภัยรถยนต์เพิ่มขึ้น 1.4 % อยู่ที่ 66.7% เนื่องจากอัตราการเกิดอุบัติเหตุสูงขึ้น

กรมสอบสวนและบังคับใช้กฎหมายจราจร (The Traffic Investigation and Enforcement Department) รายงานว่า ในปี2566 อุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้น 9.7%   รวมเป็น  598,635 เหตุการณ์ เพิ่มขึ้นจาก 545,588 เหตุการณ์ในปี 2565  จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 104%  มีจำนวน  2,417  คนในปี 2566  เทียบกับ 1,183 คนในปี 2565

ส่งผลให้ค่าสินไหมทดแทนประกันภัยรถยนต์เฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 15.1 ล้านริงกิตมาเลเซีย (1ริงกิตมาเลเซียประมาณ 8 บาท) ในปี 2566   เพิ่มขึ้นจาก 13.0 ล้านริงกิตในปี 2565  ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี

การเปิดเสรีอัตราเบี้ยประกันภัยรถยนต์แบบค่อยเป็นค่อยไปของรัฐบาล ซึ่งเริ่มในปี  2559 ทำให้บริษัทประกันภัยสามารถปรับเบี้ยประกันภัยตามพฤติกรรมการขับขี่ได้  โดยรัฐบาลได้เริ่มดำเนินการในระยะที่สองหรือเฟสที่ 2 เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปี2566 ที่ผ่านมา อนุญาตให้บริษัทประกันภัยสามารถปรับเบี้ยประกันภัยรถยนต์เพิ่มขึ้นได้สูงสุด 20% จากเดิมจำกัดไว้ที่ 15%  โดยผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมขับขี่ดีจะได้รับส่วนลดเบี้ยประกันภัยเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ผู้ขับขี่ที่ขับไม่ดี อาจต้องเผชิญกับราคาเบี้ยประกันภัยที่เพิ่มขึ้น

บริษัทประกันภัยได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำมากขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ   โดยการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล( Digitalisation) ได้เปลี่ยนแปลงกระบวนการรับประกันภัยและการวิเคราะห์ความเสี่ยง ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยดีขึ้น   ขณะที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (machine learning (ML) ช่วยปรับกระบวนการรับประกันภัยให้คล่องตัวมากขึ้นและสามารถตรวจจับการฉ้อโกงประกันภัยได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยโดยรวม

“คาดว่าอุตสาหกรรมประกันภัยรถยนต์ของมาเลเซียจะเติบโตต่อไปในช่วง  5 ปีข้างหน้านี้  เป็นแรงขับเคลื่อนจากยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นและราคาเบี้ยประกันที่ปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี คาดว่า ผลกำไรของบริษัทประกันภัยจะยังคงท้าทายต่อไปในช่วงเวลาดังกล่าว  เนื่องจากการเรียกร้องสินไหมทดแทนเพิ่มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น” Chauhan กล่าวสรุป

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....