สมาคมประกันภัยเวียดนามชี้ประกันภัยการเกษตรจะมีบทบาทมากขึ้น เหตุประชากรมากกว่า 60% เป็นเกษตรกรและได้รับผลกระทบหนักเวลาเกิดภัยธรรมชาติ โรคระบาด ย้ำแม้โอกาสเปิดกว้างเหตุรัฐบาลก็อุดหนุนเบี้ยประกันถึงขั้นทำประกันให้ฟรี !แต่ Loss Ratio สูงปรี๊ดเกิน 100% 200% ทำบริษัทประกัน-รีอินชัวเรอร์ผวา
เว็บไซต์ AsiaInsuranceReview รายงานข่าวว่า Mr Ngo Trung Dung รองเลขาธิการสมาคมประกันภัยเวียดนาม (Insurance Association of Vietnam (IAV) ) ให้สัมภาษณ์นิตยสาร Vietnam Economic ชี้ว่า ประกันภัยการเกษตรจะค่อยๆ มีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆในประเทศเวียดนาม ซึ่งประชากรมากกว่า 60% อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบทและพึ่งพาผลผลิตทางการเกษตรเป็นหลัก
เขาให้เหตุผลประกอบการคาดการณ์แนวโน้มดังกล่าว ได้แก่ 1.การเกษตรกรรมเป็นภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งภัยธรรมชาติ โรคระบาด และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ เพราะฉะนั้น การมีระบบประกันภัยคุ้มครองจะช่วยลดภาระทางการเงินของเกษตรกรที่อาจได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงที่ไม่คาดคิด ช่วยปกป้องรายได้และทำให้ชีวิตทางเศรษฐกิจของเกษตรกรมั่นคง
2.เมื่อเกษตรกรเห็นว่าทรัพย์สินของตนได้รับการคุ้มครองความเสี่ยงจากประกันภัย พวกเขาจะมีความมั่นใจมากขึ้นในการพัฒนาการเกษตรและเพิ่มผลผลิต 3. เมื่อประกันภัยการเกษตรได้รับการพัฒนาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งมากขึ้น จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาตลาดประกันภัยโดยรวมของเวียดนาม โดยบริษัทประกันภัยหลายแห่งจะร่วมพัฒนาและจัดหาผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเกษตร ขยายช่องทางการจำหน่ายและกระจายผลิตภัณฑ์ประกันภัยอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มการเข้าถึง ซึ่งจะสร้างสภาพแวดล้อมการแข่งขันที่ดีระหว่างบริษัทประกันภัย จะเห็นการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ประกันภัยใหม่ๆที่เหมาะสมกับความต้องการของเกษตรกรมากขึ้น และเสนอทางเลือกเพิ่มเติมให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการด้านการเกษตร
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน บริษัทประกันภัยลังเลที่จะนำเสนอประกันภัยการเกษตร แม้ว่ารัฐบาลจะมีโครงการอุดหนุนเบี้ยประกันภัยให้แก่เกษตรกรก็ตาม โดยเงินอุดหนุนมีตั้งแต่ 20% ถึง 100% ของเบี้ยประกันภัยหรือทำประกันภัยให้ฟรี ขึ้นอยู่กับประเภทของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ (เกษตรกรที่ยากจน ,เกษตรกรที่เกือบยากจน และเกษตรกรทั่วไป)
ทั้งนี้ เป็นผลจากอัตราความเสียหาย(Loss Ratio) ประกันภัยการเกษตรในเวียดนามมักจะค่อนข้างสูงและอาจสูงถึง 70-90% สำหรับความเสียหายที่ร้ายแรง โดยเฉพาะความเสียหายที่เกิดขึ้นในทุ่งนา อาทิ ข้าว การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ (กุ้ง ฯลฯ) และปศุสัตว์ เป็นต้น ซึ่งในบางครั้ง Loss Ratio อาจสูงกว่า 100% หรือสูงกว่า 200% ก็เป็นได้ นอกจากนี้ บริษัทประกันภัยยังต้องเผชิญกับความยากลำบากในการทำประกันภัยต่อกับผู้รับประกันภัยต่อเนื่องจากความเสี่ยงมหาศาลดังกล่าว
Mr Ngo กล่าวว่า ด้านความต้องการหรืออุปสงค์ (Demand) ในเวียดนาม เนื่องจากเกษตรกรชาวเวียดนามจำนวนมากมีรายได้ต่ำ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะจ่ายเงินค่าเบี้ยประกันภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาล หรือเกษตรกรไม่เห็นผลประโยชน์ที่ชัดเจนในระยะสั้นและระยะยาวจากการทำประกันภัยการเกษตร ตลอดจนการประเมินผลและการขาดข้อมูลที่ถูกต้องในการประเมินขอบเขตของความเสียหายทำให้เกิดความล่าช้าในการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน
ด้านอุปทาน(Supply หรือจำนวนผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีอยู่ในตลาด ทางบริษัทประกันภัยต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงระดับความเสี่ยง ระดับของเบี้ยประกันภัยที่เกษตรกรต้องจ่าย ค่าเสียหายส่วนแรก(Deductible) เงื่อนไขอื่นๆตลอดจนสภาวะแวดล้อมต่างๆ
อย่างไรก็ดี รองเลขาธิการสมาคมประกันภัยเวียดนามกล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อส่งเสริมการทำประกันภัยการเกษตร “จำเป็นต้องมีแคมเปญส่งเสริมการขายเพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการประกันภัยการเกษตร นอกจากนี้ จำเป็นต้องมีโซลูชันการสนับสนุนทางการเงินที่เหมาะสมจากรัฐบาล”
ในแง่ดี ปัจจุบัน บริษัทประกันภัยหลายแห่งได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานะเงินกองทุนของบริษัทและจัดตั้งกองทุนสำรองเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ อีกทั้งยังได้จัดสรรเงินสำรองรองรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจำนวนมากที่ไม่ปกติซึ่งเกิดจากภัยพิบัติไว้อีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมประกันภัยของเวียดนามยังได้เสริมสร้างความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศและระดับภูมิภาคเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และได้รับการสนับสนุนทางการเงินและเทคนิคในการตอบสนองต่อความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติด้วยเช่นกัน
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com