ยักษ์ประกัน20อันดับแรก”Top Twenty” ของเอเชีย แปซิฟิค ยังคงรักษาโมเมนตั้มความแข็งแกร่งไว้ได้ จาก 2 ปัจจัยบวก เศรษฐกิจฟื้นและการตระหนักรู้ด้านประกันภัยมีมากขึ้นหลังโควิด ลูกค้ามองหาความคุ้มครองสุขภาพ เตือน!ปัจจัยเสี่ยง”ดอกเบี้ยขาขึ้น” กระทบการดีไซน์แบบประกัน-จัดสรรเงินทุน ย้ำตลาดประกันเอเชีย แปซิฟิคยังดึงดูดทั่วโลก

บริษัทประกันภัยที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น  20 อันดับแรก “Top Twenty”  ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ยังคงรักษาโมเมนตั้มไว้ได้ตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปี2566  โดยมีแรงสนับสนุนจากการตระหนักรู้ด้านประกันภัยที่เพิ่มขึ้นหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19   และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลายประเทศ

บริษัท โกลบอลดาต้า (GlobalData) ได้เผยแพร่การวิจัยล่าสุดพบว่า บริษัทประกันภัย 20 บริษัทแรกในภูมิภาคเอชีย แปซิฟิคมีเบี้ยประกันภัยรับเพิ่มขึ้น  8.2% และมีรายได้รวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.7%  โดยบริษัทประกันภัย 15จาก  20 บริษัท  รายงานว่า เบี้ยประกันภัยรับในปี 2565 มีการเติบโตเมื่อเทียบกับปี2564

Murthy Grandhi นักวิเคราะห์ประวัติบริษัท GlobalData กล่าวว่า “ในปี 2565 อุปสรรคของบริษัทประกันภัยมาในรูปแบบของการดำเนินการตามมาตรฐานบัญชี IFRS 9 และกฎระเบียบว่าด้วยการดำรงเงินกองทุนตามความเสี่ยงหรือRBC, แนวทางการลงทุนเพื่อมุ่งไปสู่  ESG/ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero ) และการกำหนดกลยุทธ์การป้องกันความเสี่ยงที่สามารถปฏิบัติได้เมื่อเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นและการจำกัดการเข้าถึงเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงต่างๆ  แต่พวกเขาก็ผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาได้อย่างน่ายกย่อง”

บริษัท ได-อิจิ ประกันชีวิต (Dai-ichi Life ) เป็นหนึ่งในบริษัทประกันภัยที่มีผลงานโดดเด่นทั่วภูมิภาค โดยมีรายได้จากเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้นอย่างน่าประทับใจถึง 17.6% มาจากการกลับรายการสำรองตามกรมธรรม์ประกันภัยเพิ่มขึ้นในธุรกรรมการประกันภัยต่อเพื่อลดความเสี่ยง

ขณะที่บริษัท ทีแอนด์ดี โอลดิ้งส์ ออฟ เจแปน( T&D Holdings of Japan ) ที่มีบริษัทลูกคือ บริษัท  Taiyo Life, Daido Life และทีแอนด์ดี ไฟแนนเชียล ไลฟ์( T&D Financial Life ) ได้บันทึกรายได้จากเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นเช่นกัน  อย่างไรก็ดี  สิ่งที่น่าสังเกตคือ ทีแอนด์ดี ไฟแนนเชียล ไลฟ์ รายงานว่า รายได้จากเบี้ยประกันเพิ่มขึ้น 94.7% ควบคู่ไปกับการเติบโตของรายได้ที่เป็นบวกทั่วทั้งกรุ๊ปที่เพิ่มขึ้น 11.5%

สำหรับ บริษัท Hanwha Life แม้ว่าบริษัทแม่จะมีปัญหาเรื่องหุ้น แต่บริษัทฯก็มีข่าวดีจากรายได้จากการประกันภัยเพิ่มขึ้น  21.4% เนื่องจากรายได้จากเบี้ยประกันภัยเพิ่มขึ้น 26.3%

ขณะที่บริษัทประกันภัยกลุ่มหนึ่งมีผลประกอบการยอดเยี่ยม ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทประกันภัยบางบริษัท พบว่าเบี้ยประกันภัยรับลดลง อาทิ บริษัท เจแปน โฟสต์( Japan Post) และบริษัท เอไอเอ กรุ๊ป ( AIA Group)  มีรายได้ลดลง 1.6% และ 1.5% ตามลำดับ ส่งผลทำให้รายได้รวมลดลง   โดยเอไอเอ มีรายได้ของเบี้ยประกันภัยลดลงมาจากการลดลงของเบี้ยประกันภัยในประเทศไทย  ซึ่งลดลง 5.9%

 Grandhi กล่าวว่า “หลังเกิดวิกฤติโควิด-19 ลูกค้าต่างมองหาความคุ้มครองด้านการดูแลสุขภาพและมีความคาดหวังมากขึ้นจากบริษัทประกันภัยในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค และเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า  บริษัทประกันภัยจึงได้เปลี่ยนความสนใจไปที่การนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่มุ่งเน้นการให้ความคุ้มครอง การลงทุนด้านการดูแลสุขภาพ  คลินิก  โรงพยาบาล และบริการด้านสนับสนุนการปฏิบัติงานแก่ธุรกิจประกันภัย อาทิ บริการด้านการบริหารจัดการสินไหมทดแทน เป็นต้น ซึ่งการสร้างระบบนิเวศ(Eecosystem) ด้านการดูแลสุขภาพและความร่วมมือที่ครอบคลุมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในอนาคต”

Grandhi กล่าวเสริมอีกว่า “การจัดการกับผลกระทบของสภาพแวดล้อมด้านอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันที่มีต่อตลาดทุนเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก  หลังจากอัตราดอกเบี้ยต่ำมาเป็นเวลานาน ขณะนี้บริษัทประกันภัยต้องเผชิญกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจมหภาค ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการจัดสรรเงินทุน  ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปีผ่านมา  อุตสาหกรรมประกันภัยได้พบกับความท้าทายที่ไม่คาดคิดมาแล้ว เมื่อผลตอบแทนตลาดตราสารทุนและตราสารหนี้ติดลบ  และเงินอ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ  อย่างไรก็ดี แม้จะมีปัญหาเหล่านี้ แต่ตลาดประกันภัยในเอเชีย แปซิฟิกยังคงน่าดึงดูดสำหรับทั่วโลก”

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....