แบงก์ชาติมาเลเซียเปิดผลงานอุตสาหกรรมประกันภัยครึ่งปี เบี้ยใหม่โต 2 หลัก สูงสุดในประวัติศาสตร์  ชี้ปัจจัยท้าทายกระทบภาคประกันภัย  กาง 4 แผนงานเชิงรุกรับมือ ผลักดันสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน

เว็บไซต์ AsiaInsuranceReview รายงานว่า ธนาคารกลางมาเลเซีย (Bank Negara Malaysia :BNM)  เปิดเผยภาพรวมผลการดำเนินงานของธุรกิจประกันภัยทั้งประกันชีวิตและประกันวินาศภัยในช่วงครึ่งปีแรก 2567  มีเบี้ยประกันภัยธุรกิจใหม่เติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยเบี้ยประกันภัยกว่า 2 หมื่นล้านริงกิต (4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)  ( 1 ริงกิตประมาณ 8 บาท )

นายอับดุล ราชีด กาฟโฟร์( Mr Abdul Rasheed Ghaffour )ผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซียกล่าวปาฐกถาในงาน

รีแบรนด์สถาบันประกันภัยมาเลเซีย (Malaysia Insurance Institute :MII) ) เป็นสถาบันประกันภัยแห่งเอเชีย (Asian Institute of Insurance :Aii) ที่จัดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ โดยมีใจความตอนหนึ่งว่า  อุตสาหกรรมประกันภัยตะกาฟุลสำหรับครอบครัวและประกันภัยตะกาฟุลทั่วไปมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งเช่นกัน โดยมีมูลค่ารวมกว่า 7 พันล้านริงกิต

นอกเหนือจากการฉายภาพรวมอุตสาหกรรมประกันภัยแล้ว  ผู้ว่าธนาคารกลางมาเลเซียยังได้กล่าวถึงพัฒนาการสำคัญต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อภาคประกันภัย และเสนอมุมมองบางประการเกี่ยวกับความพยายามเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมประกันภัยให้ตามทันกับแนวโน้มเหล่านี้

การเปลี่ยนแปลงที่ท้าทาย

ผู้ว่าธนาคารกลางมาเลเซียกล่าวว่า พัฒนาการสำคัญที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมประกันภัย ได้แก่ ความถี่และความรุนแรงของความเสี่ยงระดับโลกที่เพิ่มขึ้น ได้แก่  การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate change )และภัยคุกคามทางไซเบอร์ :เมื่อพิจารณาถึงลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปและมักไม่สามารถคาดเดาได้ของภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ รวมถึงศักยภาพในการก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้างแล้วพบว่า  โมเดลการบริหารจัดการความเสี่ยงแบบเดิมที่อาศัยข้อมูลในอดีตและรูปแบบที่กำหนดไว้สำหรับการทำนายและกำหนดราคาเบี้ยประกันภัย( Pricing) สำหรับความเสี่ยงเหล่านั้นอาจประสบปัญหาในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวทั้งในปัจจุบันและอนาคต

ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนไป: สิ่งเหล่านี้ต้องการการปรับตัวและวิวัฒนาการของภาคประกันภัย

การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของประชากรผู้สูงอายุชาวมาเลเซีย: ภายในปี 2587  คาดว่าประชากรของมาเลเซีย 14% จะมีอายุ 65 ปีขึ้นไป ทำให้มาเลเซียกลายเป็น “สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged society)” ซึ่งเรียกว่าปรากฏการณ์ “คลื่นสึนามิสีเงิน” จะทำให้สัดส่วนของประชากรในวัยทำงานลดลง

เปิด4แผนงานเชิงรุก

ทั้งนี้ เพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าว บริษัทประกันภัยและผู้ประกอบการประกันภัยตะกาฟุลจะต้องเพิ่มขีดความสามารถในการรับประกันภัย( Capacity )และความพร้อมเพื่อลดช่องว่างความคุ้มครอง( Protection Gaps)ที่กว้างอย่างมีนัยสำคัญ และเสริมสร้างตาข่ายความปลอดภัยทางการเงิน ซึ่งหมายถึงการปรับตัวและสร้างสรรค์นวัตกรรมในหลาย ๆ ด้าน

ประการแรก การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเพื่อปิดช่องว่างความคุ้มครอง

ประการที่สอง การเพิ่มการคุ้มครองด้วยการป้องกัน  บริษัทประกันภัยและผู้ประกอบการประกันภัยตะกาฟุลมีบทบาทพิเศษไม่เพียงแต่การจัดหาโซลูชันการบรรเทาความเสี่ยงแบบเรียลไทม์เท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลและกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมเชิงบวกในระยะยาวอีกด้วย

ประการที่สาม การสร้างระบบนิเวศประกันภัย (Insurance Ecosystem ) ที่ครอบคลุมมากขึ้น

ประการที่สี่ บริษัทประกันภัยและผู้ประกอบการประกันภัยตะกาฟุลต้องพร้อมเสมอที่จะตอบสนองและให้บริการความต้องการของภูมิภาค โดยต้องให้แน่ใจว่า ข้อเสนอการให้บริการของพวกเขาจะสะท้อนถึงความต้องการในชุมชนที่หลากหลายและมีส่วนสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนของภูมิภาค

ผู้ว่าฯกล่าวว่า “เราไม่สามารถมองข้ามความสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในพื้นที่เหล่านี้ไปได้ การทำงานร่วมกันที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือดังกล่าวสามารถเสริมสร้างการมีส่วนสนับสนุนของบริษัทประกันภัยและผู้ประกอบการประกันภัยตะกาฟุลได้ ซึ่งอาจดำเนินไปในรูปแบบของการพัฒนาโซลูชันการถ่ายโอนความเสี่ยงที่ซับซ้อนซึ่งสามารถจัดการความเสี่ยงขนาดใหญ่และความเสี่ยงอุบัติใหม่( Emerging Risks)  ที่เกินขีดความสามารถของสถาบันรายย่อยแต่ละแห่งที่จะจัดการได้”

เขายังกล่าวอีกว่า “ผมอยากเห็นภาคประกันภัยและประกันภัยตะกาฟุลยังคงมีความสำคัญ  เติบโต และมีบทบาทสำคัญในการมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศในปีต่อๆ ไป วิสัยทัศน์นี้จะไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้แบบแยกส่วน จะต้องใช้แนวทางแบบองค์รวมของประเทศ  ผมอยากจะเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของธนาคารกลางในการขับเคลื่อนการปฏิรูปที่จำเป็นภายในภาคส่วนนี้ ด้วยการทำงานร่วมกัน เราสามารถเปลี่ยนความปรารถนาของเราสำหรับภูมิทัศน์การคุ้มครองที่มีการแข่งขัน  มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมมากขึ้นให้กลายเป็นจริงได้” ผู้ว่าฯกล่าวสรุปในตอนท้าย

เขายังกล่าวอีกว่า “ผมอยากเห็นภาคส่วนการประกันภัยและทากาฟุลยังคงมีความสำคัญ เติบโต และมีบทบาทสำคัญในการมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยรวมของประเทศในปีต่อๆ ไป วิสัยทัศน์ดังกล่าวไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้แบบแยกส่วน และจะต้องใช้แนวทางแบบองค์รวมของประเทศ ผมยังต้องการย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของธนาคารในการขับเคลื่อนการปฏิรูปที่จำเป็นภายในภาคส่วนนี้ ด้วยการทำงานร่วมกัน เราสามารถเปลี่ยนความปรารถนาของเราสำหรับภูมิทัศน์การคุ้มครองที่มีการแข่งขัน มีประสิทธิภาพ และครอบคลุมมากขึ้นให้กลายเป็นจริงได้”

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....