“สวิส รี”  ชี้ ภาคประกัน-ประกันต่อประเมินผลกระทบภัยพิบัติ”ต่ำเกินไป”หลังปีก่อนสินไหมทะลุแสนล้านเหรียญ!เป็นปีที่4  ห่วงบางภูมิภาคอาจรับประกันไม่ได้เพราะเสี่ยงสูง  ขณะที่แนวโน้มภัยพิบัติเกิดถี่และรุนแรงเพราะโลกร้อน  กระชากต้นทุนประกันพุ่งพรวด  ตอกย้ำการแทรกของรัฐบาลด้วยการเบรคบริษัทขึ้นเบี้ยอุ้มผู้บริโภค ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อตลาดประกันภัย 

เว็บไซต์ Insurance Business America รายงานว่า บริษัท สวิส รี   บริษัทรับประกันภัยต่อ(reinsurer ) ระดับโลก เปิดเผยว่า  อุตสาหกรรมประกันภัยประเมินผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นในยุโรป”ต่ำเกินไปอย่างมีนัยสำคัญ “และทำให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้นว่า บางภูมิภาคในโลกอาจจะไม่สามารถรับประกันภัยได้อีกต่อไป

Gianfranco Lot  ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับประกันภัยทรัพย์สินและประกันวินาศภัย สวิส รี ตั้งข้อสังเกตว่าแบบจำลองการคาดการณ์ความเสียหายจากเหตุการณ์ภัยภิบัติทางธรรมชาติต่างๆ  ที่มีในปัจจุบัน อาทิ  แผ่นดินไหวในตุรกี น้ำท่วมในเยอรมนี และพายุลูกเห็บในอิตาลี เป็นต้น ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

เขากล่าวกับไฟแนนเชียล ไทมส์ “ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหวในตุรกี น้ำท่วมในเยอรมนี หรือพายุลูกเห็บในอิตาลี  แบบจำลองต่างๆ  ที่มีอยู่มีข้อผิดพลาดอยู่หลายจุด  โดยมีความต่างอยู่ที่ 10% หรือ 20%”   

ในปี 2566  ความเสียหายที่มีการทำประกันภัยไว้( insured losses ) จากเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นทั่วโลกมีมูลค่าทะลุ  100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ(1แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เป็นปีที่ 4 ติดต่อกันแล้ว  โดยความเสียหาย 6.2 พันล้านดอลลาร์เป็นผลจากแผ่นดินไหวในตุรกี

Lot  เน้นย้ำถึงการลงทุนที่สำคัญของสวิส รี  ในการปรับปรุงแบบจำลองภัยพิบัติทางธรรมชาติด้วยการรวบรวมข้อมูลให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการคาดการณ์ผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ

สวิส รี ระบุว่า  การประเมินต้นทุนจากเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วอุตสาหกรรมประกันภัย เนื่องจากข้อมูลที่มีอยู่ไม่เพียงพอทั้งกับความเสี่ยงในปัจจุบันและมูลค่าความเสี่ยง   ขณะที่ความถี่และความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นของเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้วที่เป็นผลจากภาวะโลกร้อน  ทำให้ต้นทุนในภาคประกันภัยและประกันภัยต่อเพิ่มขึ้นเช่นกัน 

ปัจจุบัน เจ้าของบ้านอยู่อาศัยทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหาใหญ่ทั้งค่าเบี้ยประกันภัยที่สูงขึ้นหรือการดิ้นรนเพื่อให้ได้รับความคุ้มครองภายใต้ระบบประกันภัย  ส่งผลทำให้เกิดการหารือเกี่ยวกับขอบเขตการแทรกแซงของรัฐบาลที่จำเป็นเพื่อลดต้นทุนให้กับผู้บริโภคในการรับมือกับความเสียหายจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ  โดย Lot กล่าวว่า การแทรกแซงของรัฐบาลมีความจำเป็นและเป็นประโยชน์ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่บริษัทประกันภัยและบริษัทรับประกันภัยต่อไม่สามารถรับประกันภัยได้

ในสหรัฐอเมริกา  ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านอยู่อาศัยหลังเกิดภัยพิบัติเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันมากเป็นพิเศษ  โดยบริษัทประกันภัยบางแห่งได้ถอนตัวออกจากการรับประกันภัยในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บางพื้นที่ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย  เป็นต้น  ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยบ้านอยู่อาศัยในสหรัฐฯ มักต้องได้รับการอนุมัติตามกฎระเบียบในท้องถิ่นก่อนการเปลี่ยนแปลงราคาเบี้ยประกันภัย ซึ่งอุตสาหกรรมประกันภัยให้เหตุผลว่า เรื่องนี้ทำให้พวกเขาไม่สามารถตามต้นทุนค่าสินไหมทดแทนที่เพิ่มขึ้นได้ทัน

โรเบิร์ต กอร์ดอน ผู้บริหารระดับสูงจาก American Property Casualty Insurance Association ตั้งข้อสังเกตว่า  การแทรกแซงของรัฐบาลทำให้บริษัทประกันภัยในสหรัฐฯ บางบริษัทจำกัดความคุ้มครองในมลรัฐที่มักได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง เขายืนยันว่า ความพยายามในการป้องกันไม่ให้ค่าเบี้ยประกันภัยบ้านอยู่อาศัยปรับเพิ่มขึ้นสูงนั้นส่งผลกระทบร้ายแรงต่อตลาดประกันภัย

“นั่นคือสิ่งที่คุณเห็นในสหรัฐอเมริกา  ขณะที่ตลาดในประเทศต่างๆ ที่คุณกำลังเผชิญกับวิกฤติด้านความพร้อมในการรับประกันภัยอย่างแท้จริง เป็นเพราะรัฐบาลพยายามปรามการปรับขึ้นเบี้ยประกันภัยนั่นเอง” “ Gordon  กล่าวในตอนท้าย

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....