ประกันชีวิตจีนขาขึ้น  “โกลบอลดาต้า” ทำนาย 5 ปีข้างหน้า เบี้ยประกันพุ่งเกิน 8.9แสนล้านเหรียญ โตปีละ9% รับปัจจัยบวกอื้อทั้งเศรษฐกิจฟื้น คนแก่เยอะเข้าสู่สังคมสูงวัยระดับสุดยอด ขณะที่ประชากรที่มีรายได้สูง  -ฐานะร่ำรวยเพียบ แถมได้แรงหนุนจากการตระหนักรู้ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นหลังโควิด  รัฐพัฒนากฎระเบียบเอื้ออีกทาง กระตุกดีมานด์ประกันชีวิต ประกันพีเอ-สุขภาพ

เว็บไซต์ AsiaInsuranceReview รายงานว่า บริษัท  โกลบอลดาต้า (GlobalData) บริษัทข้อมูลและวิเคราะห์ตลาดฉายภาพแนวโน้มอุตสาหกรรมประกันชีวิตของจีน คาดว่า ในช่วงปี 2567-2571  จะเติบโตที่อัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่ 9.0%   เบี้ยประกันภัยรับโดยตรง( DWP) จาก  4.0 ล้านล้านหยวน (5.52 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 5.6 ล้านล้านหยวน(8.90 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2571  (1หยวน ประมาณ 5 บาท )

ตามฐานข้อมูลประกันภัยของโกลบอลดาต้า คาดว่า ในปี 2567 อุตสาหกรรมประกันชีวิตของจีนจะเติบโต 9.6% เป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การพัฒนาด้านกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อภาคธุรกิจประกันภัยและการเพิ่มความตระหนักรู้ของประชาชนเกี่ยวกับการวางแผนด้านสุขภาพและการเงินหลังการระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการกรมธรรม์ประกันชีวิตและประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและสุขภาพ (PA&H) เพิ่มมากขึ้น

Ms Manogna Vangari นักวิเคราะห์ประกันภัยบริษัท โกลบอลดาต้า กล่าวว่า “หลังจากอุตสาหกรรมประกันชีวิตของจีนมีการเติบโตที่ช้าลงที่ 2.8% ในปี 2565 คาดว่าจบปี 2566 อุตสาหกรรมฯจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักที่ 13.7% ได้ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและรัฐบาลได้ผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ในเดือนธันวาคม ปี 2565 ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการจ้างงานและรายได้ทิ้งของครัวเรือน”

ประกันชีวิตตลอดชีพยึดแชร์

            โกลบอลดาต้าเผยว่า  ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ (Wholelife insurance )เป็นพอร์ตประกันชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมฯ คาดว่าจะมีเบี้ยประกันชีวิตคิดเป็นส่วนแบ่ง 78.3% ของเบี้ยประกันชีวิตทั้งหมดในปี 2566  โดยความต้องการประกันชีวิตแบบตลอดชีพมีแรงผลักดันจากปัจจัยทางประชากรศาสตร์ของประเทศ  อาทิ   สังคมผู้สูงอายุและอายุขัยที่ยืนยาวมากขึ้น   ซึ่งตามฐานข้อมูลเศรษฐศาสตร์มหภาคของโกลบอลดาต้าระบุว่า  ในปี 2565 ประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปของจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 191.6 ล้านคน จาก 184.6 ล้านคนในปี 2564 และคาดว่าจะพุ่งขึ้นสูงถึง 248.4 ล้านคนในปี 2573

ขณะที่จำนวนประชากรผู้มีรายได้สูง (high-net-worth individuals :HNWIs ) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของภาคประกันวินาศภัยในจีนด้วยเช่นกัน   โดยประชาชนกลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวยของจีน (ประกอบด้วยผู้มีรายได้สูง(  HNW) และกลุ่มผู้มีฐานะร่ำรวย) มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (AAGR) อยู่ที่ 9.8% ในช่วงปี 2561-2565  ซึ่งประกันชีวิตเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับประชากรกลุ่มนี้เนื่องจากช่วยปกป้องสถานะทางการเงินของพวกเขาจากเหตุการณ์และโรคภัยที่คุกคามชีวิต ตลอดจนการวางแผนมรดกได้  โดยคาดว่า ในช่วงปี 2567-2571 ธุรกิจประกันชีวิตจะเติบโตที่อัตราการเติบโตต่อปี ที่ 10.0%  

ประกันพีเอ/สุขภาพ..ใหญ่อันดับสอง

สำหรับประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพ( PA&H )เป็นพอร์ตที่มีขนาดใหญ่รองลงมาเป็นอันดับสอง ซึ่งคาดว่าจะมีเบี้ยประกันภัยคิดเป็นส่วนแบ่ง 21.4% ของของเบี้ยประกันชีวิตในปี 2566 โดยคาดว่า ในช่วงปี 2567-2571  ประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพจะเติบโตที่อัตราการเติบโตต่อปีที่ 4.8%  เนื่องจากการเพิ่มความตระหนักรู้ด้านสุขภาพภายหลังเกิดโควิด-19 และประชากรสูงวัยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปกป้องชีวิตจากอันตรายต่อสุขภาพ

Ms Vangari กล่าวเสริมว่า “เบี้ยประกันภัยสุขภาพที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้นช่วยสนับสนุนการเติบโตของประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพด้วยเช่นกัน  ขณะที่อัตราการเกิดโรคอย่างเฉียบพลันที่สูงขึ้น รวมถึงจำนวนประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และการดูแลสุขภาพที่ดีมาก  ส่งผลทำให้ค่าเบี้ยประกันภัยสุขภาพในจีนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ โครงการของรัฐบาลที่มุ่งเป้าหมายไปที่การเพิ่มสิทธิประโยชน์จากการประกันภัยสุขภาพให้กับประชากรจำนวนมากขึ้น จะช่วยส่งเสริมการเติบโตของประกันภัยอุบัติเหตุและสุขภาพอีกด้วย”

ในเดือนกรกฎาคม ปี 2566  สำนักบริหารกฎระเบียบทางการเงินแห่งชาติได้ออกประกาศเกี่ยวกับการขยายสิทธิประโยชน์ทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไปยังแผนประกันภัยสุขภาพเชิงพาณิชย์ประเภทต่างๆ มากขึ้น  อาทิ   ประกันภัยสุขภาพ ,ประกันภัยการดูแลระยะยาว (LTC) และประกันภัยโรคที่นำเสนอโดยบริษัทประกันชีวิต

รัฐหนุนประกันบำนาญ

ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2565 รัฐบาลจีนได้เปิดตัวโครงการนำร่องประกันบำนาญเอกชนรายบุคคลใน 36 เมือง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเสาหลักที่ 3 ของระบบบำนาญแห่งชาติ โดยเสาหลักที่สาม อนุญาตให้บุคคลทั่วไปลงทุนได้ถึง 12,000 หยวนจีนในผลิตภัณฑ์บำนาญบางประเภท รวมถึงประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (commercial endowment insurance)

ทั้งนี้ประกันชีวิตพ่วงการลงทุนแบบยูนิเวอร์แซล ไลฟ์(  Universal life ) และแบบสะสมทรัพย์มีเบี้ยประกันภัยรวมกันคิดเป็นส่วนแบ่ง 0.3% ของเบี้ยประกันชีวิตทั้งหมดในปี 2566

Ms Vangari กล่าวว่า “ คาดว่า จีนจะกลายเป็นสังคมสูงวัยระดับสุดยอด( Super Aged Society )ภายในปี 2573 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความต้องการผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตต่อไป  ขณะที่ประชากรที่มีฐานะร่ำรวยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น ตลอดไปจนถึงความตระหนักรู้ด้านสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น  ความต้องการการคุ้มครองทางการเงินที่เพิ่มมากขึ้น และการพัฒนาด้านกฎระเบียบเชิงบวกจะสนับสนุนการเติบโตของภาคประกันชีวิตในจีนในอีก 5 ปีข้างหน้า”

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....