S&P ชี้บริษัทประกันภัยในฮ่องกงอาจต้องเพิ่มทุนอีกยก ผลพวงหน่วยงานกำกับบังคับใช้กฎกติกาใหม่ ส่งเสริมอุตสาหกรรมประกันภัยแข็งแกร่ง สอดรับมาตรฐานสากล  สะท้อนโปรไฟล์ความเสี่ยงบริษัทประกันภัยได้ดียิ่งขึ้น ชี้การเพิ่มทุนอาจเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงสำหรับบริษัทประกันภัย  ย้ำบริษัทประกันภัยมอนิเตอร์ความเสี่ยงด้านดอกเบี้ยและความผันผวนของตลาดการลงทุนอย่างใกล้ชิด

เว็บไซต์ Insurance Asia รายงานข่าวว่า    บริษัทประกันภัยในฮ่องกงอาจรู้สึกถึงแรงกดดันด้านรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากกฎระเบียบใหม่ที่หน่วยงานกำกับประกาศบังคับใช้เมื่อเร็วๆ นี้  ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างกรอบการกำกับดูแลและการบริหารความเสี่ยงของบริษัทประกันภัยแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น  ซึ่งคาดว่า การออกกฎระเบียบใหม่เป็นการปรับแนวปฏิบัติในท้องถิ่นให้สอดคล้องกับมาตรฐานในระดับสากลและปรับปรุงกรอบการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย

จูดี้ เฉิน (Judy Chen ) นักวิเคราะห์สินเชื่อบริษัท เอสแอนด์ดี โกลบอล เรตติ้งส์ ( S&P Global Ratings )  กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ของเอสแอนด์พีว่า  “การปรับปรุงกรอบการกำกับดูแลจะค่อยๆ เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับการกำกับดูแลและการตระหนักรู้ด้านความเสี่ยงของบริษัทประกันภัยในฮ่องกง  แต่การเปลี่ยนแปลงกฎการกำกับดูแลดังกล่าวมาพร้อมกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับบริษัทประกันภัย  นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบใหม่แล้ว บริษัทประกันภัยบางบริษัทอาจจำเป็นต้องเพิ่มทุนเพื่อให้ระดับเงินกองทุนเป็นไปตามระเบียบใหม่ด้วย”

กฎระเบียบใหม่ประกอบด้วยสามเสาหลัก ได้แก่ เสาที่1 ข้อกำหนดเชิงปริมาณ   เสาที่ 2 การปรับปรุงเชิงคุณภาพและเสาที่ 3 ภาระผูกพันธ์ในการเปิดเผยข้อมูลที่มากขึ้น  ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เพื่อสะท้อนถึงโปรไฟล์ความเสี่ยงของบริษัทประกันภัยได้แม่นยำยิ่งขึ้น และกลไกการดำรงเงินกองทุนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เฉินกล่าวว่า  “เราเชื่อว่า กรอบการกำกับใหม่จะสะท้อนโปรไฟล์ความเสี่ยงของบริษัทประกันภัยได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเสี่ยงด้านการลงทุน   ซึ่งกลไกการกำกับเงินกองทุนที่ไวต่อความเสี่ยงมากยิ่งขึ้นนี้ อาจนำไปสู่การปรับปรุงกลยุทธ์ด้านการลงทุนและผลิตภัณฑ์ประกันภัย  เนื่องจากบริษัทประกันภัยก็แสวงหาการใช้ประโยชน์จากเงินทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเช่นกัน”

เฉินกล่าวว่า การบังคับใช้กฎเกณฑ์ใหม่ เมื่อรวมกับการนำมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 17 ( IFRS-17)  มาใช้ จะช่วยให้เห็นภาพทางเศรษฐกิจของการดำเนินธุรกิจของบริษัทประกันภัยได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทประกันภัยจำเป็นต้องติดตามความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ยและความผันผวนของตลาดการลงทุนอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะส่งผลต่อการกำหนดกลยุทธ์ด้านเงินทุนและการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกันภัย

เฉินกล่าวว่า เพื่อตอบสนองต่อความต้องการเงินทุนที่สูงขึ้น   บริษัทประกันภัยได้ดำเนินการเชิงรุกในการจัดการต้นทุนความรับผิดตามกรมธรรม์ประกันภัย( liability costs) และความเสี่ยงในการลงทุนแล้ว

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายอย่างต่อเนื่องสำหรับบริษัทประกันภัย  เช่น อัตราดอกเบี้ยที่สูงและความผันผวนของตลาดทุน อาจส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงินของบริษัทประกันภัยและกระตุ้นให้บริษัทประกันภัยต้องเพิ่มทุนเพื่อให้ฐานะการเงินแข็งแกร่งมากขึ้น

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....