“เอเอ็ม เบสท์”ชี้ ผลตอบแทนต่อหุ้น(ROE) บริษัทประกันภัยต่อทั่วโลกพุ่ง 22% สูงสุดรอบ 5ปี จับตา! Loss เฮอริเคน”เฮเลน-มิลตัน” ในสหรัฐฯ กระทบผลประกอบการรีอินชัวเรอร์ แม้ไม่โขกราคาอีก แต่หยุดวงจรเบี้ยประกันต่อ”ลดลง”
เว็บไซต์ AsiaInsuranceReview รายงานว่า บริษัท เอเอ็ม เบสท์ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกเปิดเผยผลประกอบการบริษัทประกันภัยต่อ(Reinsurer) มีผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ( Return on Equity:ROE ) อยู่ที่ 22% ในปี 2566 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 5 ปี เป็นผลจากการพลิกกลับของผลขาดทุนที่ยังไม่รับรู้จากปี2565 ที่กลับมามีกำไร และผลการรับประกันภัยที่แข็งแกร่ง
รายงานฉบับพิเศษ เรื่อง “ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) บริษัทประกันภัยต่อทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากผลการลงทุนและการรับประกันภัย” ที่เอเอ็ม เบสท์ จัดทำขึ้นได้ตั้งข้อสังเกตว่า เบี้ยประกันภัยรับรวมของบริษัทประกันภัยต่อที่อยู่ใน Global Reinsurance Composite ของเอเอ็ม เบสท์ ( ใช้ในการวัดผลประกอบการบริษัทประกันภัยต่อ) คิดเป็นสัดส่วนเกือบ 90% ของเบี้ยประกันภัยต่อรับรวมของอุตสาหกรรมประกันภัยต่อทั้งหมดในปี 2565 (ทั้งบริษัทประกันภัยต่อที่รายงานงบการเงินโดยใช้มาตรฐาน GAAP ของสหรัฐอเมริกาและมาตรฐานบัญชี IFRS 17)
Global Reinsurance Composite ของเอเอ็ม เบสท์ ประกอบด้วยงบการเงินบริษัทประกันภัยต่อทั่วโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด 25 บริษัท ซึ่งงบการเงินจะมีการตรวจสอบเป็นประจำทุกปีเพื่อสะท้อนถึงผลการควบรวมและซื้อกิจการ( M&A )และเหตุการณ์อื่นๆ
ตามรายงานระบุว่า อัตราส่วนเงินสำรองลดลงในกลุ่มบริษัทประกันภัยต่อประกันวินาศภัย ยกเว้นบริษัทประกันภัยต่อ 4 บริษัทใหญ่( Big Four) ซึ่งมีธุรกิจประกันชีวิตเป็นสายธุรกิจสำคัญและมีอัตราส่วนสำรองที่ค่อนข้างคงที่ อย่างไรก็ดี การลดลงของอัตราส่วนสำรองถูกชดเชยด้วยการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของกำไรจากการดำเนินงาน ส่งผลให้ ROE ของบริษัทประกันภัยต่อสูงกว่าต้นทุนส่วนของผู้ถือหุ้นหลังจากที่ลดลงมาหลายปี นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากภาษีที่ลดลงและดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลงตามสัดส่วนด้วย
ผลกระทบเฮอริเคน”เฮเลน-มิลตัน”
รายงานเผยอีกว่า ความเสียหายที่มีการทำประกันภัยไว้( insured losses )ที่สูงอย่างมีนัยสำคัญจากเหตุการณ์พายุเฮอริเคน”มิลตัน”และ “เฮเลน” ถล่มสหรัฐอเมริกามีแนวโน้มที่จะถูกโอนไปยังตลาดการประกันภัยต่อทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เงื่อนไขการประกันภัยต่อที่เข้มงวดมากขึ้นจะช่วยให้บริษัทประกันภัยต่อสามารถจัดการกับความเสียหายของพวกเขาได้
Mr Guilherme Monteiro Simoes นักวิเคราะห์การเงินอาวุโสบริษัท เอเอ็ม เบสท์ กล่าวว่า “แม้ผลประกอบการของบริษัทประกันภัยต่อในไตรมาสที่สี่ของปี 2567นี้ จะได้รับผลกระทบเชิงลบจากเฮอริเคน แต่รายได้ทั้งปียังคงดีอยู่ แต่กระนั้น จากความเสียหายที่เกิดขึ้น จะส่งผลให้เบี้ยประกันภัยต่อในตลาดประกันภัยต่อทั่วโลกที่อยู่ในภาวะเพิ่มขึ้น( hardening ) จะขยับราคาขึ้นอีกไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ความเสียหายจากเฮเลนและมิลตันอาจจะทำให้วงจรเบี้ยประกันภัยลดลง (softening )หยุดชะงักไป”
เมื่อพิจารณาลักษณะการจัดสรรการลงทุนและโปรไฟล์ความเสี่ยงในช่วงเวลาดังกล่าว รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า การดำเนินการของบริษัทประกันภัยต่อต่างๆ เพื่อรับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นโดยทั่วไปมักมีผลกระทบจำกัดต่อรายได้จากการลงทุน โดยเอเอ็ม เบสท์ ยังคงมองว่า ผลกำไรจากการรับประกันภัยเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินและวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของบริษัทประกันภัยต่อในกลุ่ม Global Reinsurance Composite ของเอเอ็ม เบสท์
อย่างไรก็ดี เอเอ็ม เบสท์คาดว่า ROE จะยังคงสูงกว่าต้นทุนของเงินทุนในระยะกลาง เนื่องจากเงินทุนใหม่ๆจะมองหาองค์กรธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานดีมากหรือมีสภาพคล่องของตลาดหลักทรัพย์ควบประกันภัย ( insurance-linked securities) ที่เป็นเครื่องมือการลงทุนที่ให้ผู้ลงทุนมีจุดเข้าและออกที่รวดเร็วยิ่งขึ้นในอุตสาหกรรมประกันภัยต่อ
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com