2568 ปีที่ยากสำหรับอุตสาหกรรมประกันภัยเวียดนาม  รัฐบาลอาจพลาดเป้า! ประชากร 15%มีประกันชีวิต  ผลพวงวิกฤติศรัทธากระทบยาว หลังลูกค้าแห่ร้องเงื่อนไขความคุ้มครองเอื้อประโยชน์บริษัทประกันมากกว่า แถมแบงก์แอสชัวรันส์ฉาวหนัก ปมบังคับลูกค้าขอสินเชื่อต้องทำประกันชีวิตด้วย  ฉุดภาคประกันภัยซบเซา

                เว็บไซต์  AsiaInsuranceReview รายงานข่าวว่า  เป้าหมายบางเรื่องที่รัฐบาลเวียดนามประกาศกำหนดไว้สำหรับอุตสาหกรรมประกันภัยในปี 2568 อาจต้องถูกปรับลดหรือปรับเปลี่ยนเพราะเป็นการยากที่จะบรรลุเป้าหมายได้

รัฐบาลเวียดนามกำหนดเป้าหมายภายในปี  2568    ประชากรของเวียดนาม 15% ต้องมีประกันชีวิตคุ้มครอง โดยมีเบี้ยประกันชีวิตต่อจีดีพีอยู่ที่ 3.5%  ซึ่งก่อนหน้านี้ เป้าหมายดังกล่าวถือว่าสอดคล้องกับกลยุทธ์การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของเวียดนามในช่วงปี 2564-2573   และตัวชี้วัดการพัฒนาอื่นๆ

 อย่างไรก็ดีตาม รายงานข่าวล่าสุดที่เผยแพร่ผ่าน https://vietnamnews.vn/economy      Ngô Trung Dung รองเลขาธิการสมาคมประกันภัยเวียดนาม กล่าวว่า ณ สิ้นเดือนกันยายน  2567  เวียดนามมีกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีผลบังคับอยู่ประมาณ 12 ล้านฉบับเท่านั้น  ลดลงประมาณ 11% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปี 2566  ซึ่งจำนวนกรมธรรม์ประกันชีวิตข้างต้นมีสัดส่วนค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประชากรเวียดนามที่มีอยู่กว่า 100 ล้านคน และยังห่างไกลจากเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ค่อนข้างมาก

Ð?ng Ðình Chính ผู้อำนวยการ IT Media Vietnam Insurance Services  กล่าวว่า  ในปี  2568  อุตสาหกรรมประกันภัยในเวียดนามจะพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะบรรลุเป้าหมายประชากร 15% มีประกันชีวิตคุ้มครอง

Chính กล่าวว่าในปี 2568   การเพิ่มจำนวนประชากรที่ทำประกันชีวิตอีกประมาณ 1.5%-2% (เทียบเท่ากับ 1.5-2 ล้านคน) เป็นเรื่องยาก  ขณะที่การเพิ่มขึ้นสูงกว่า 3-4% (เทียบเท่ากับ 3-4 ล้านคน) จะสูงเกินไปจนเป็นไปไม่ได้และจะเกินขีดความสามารถของบริษัทประกันชีวิตทั้งหมดในตลาด  เขากล่าวว่า ขณะนี้ ธนาคารหลายแห่งได้หยุดขายประกันชีวิตแล้ว ซึ่งทำให้การเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตชะลอตัวลงด้วย

Chung Bá Phuong ประธานกรรมการบริหาร บริษัท  Techcom Non-Life Insurance Joint Stock Company  ให้ความเห็นว่า  ตลาดประกันภัยจะพบว่า ยากที่จะบรรลุเป้าหมายสำคัญ 2 ประการที่รัฐบาลกำหนดไว้  โดยในปี 2567  ที่ผ่านมา มีการคาดการณ์จะมีประชากรเวียดนามเพียง 10% เท่านั้นที่จะมีประกันชีวิตคุ้มครอง  โดยเบี้ยประกันชีวิตทั้งระบบต่อจีดีพีจะอยู่ที่เพียง 1% เท่านั้น

ตลาดประกันชีวิตของเวียดนามกำลังพัฒนาค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค  ซึ่งในหลายประเทศ มีอัตราส่วนบัญชีธนาคารต่อจำนวนกรมธรรม์ประกันชีวิตอาจใกล้เคียงกัน ขณะที่ในเวียดนามพบว่า  ปัจจุบัน อัตราประชากรที่มีบัญชีธนาคารมีมากกว่า 87% ของประชากรทั้งหมด แต่มีเพียง 12% ของประชากรทั้งหมดเท่านั้นที่มีประกันชีวิตในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง

สาเหตุหลักของช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างจำนวนประชากรที่ทำประกันชีวิตและจำนวนบัญชีธนาคารคือวิกฤติความเชื่อมั่นในภาคประกันภัยที่สั่นคลอนธุรกิจประกันภัยอย่างหนัก  ทำให้การเติบโตของอุตสาหกรรมประกันภัยชะลอตัวลงอย่างมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา  โดวิกฤติดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากมีลูกค้าจำนวนมากร้องเรียนเกี่ยวกับเงื่อนไขความคุ้มครองต่างๆ ที่ไม่ชัดเจนในสัญญาประกันชีวิต ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทประกันชีวิตมากกว่าลูกค้า นอกจากนี้ การขายประกันชีวิตผ่านธนาคาร( Bancassurance) ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน เนื่องจากมีรายงานว่า ลูกค้าจำนวนมากถูกธนาคารบังคับให้ซื้อแพ็คเกจประกันภัยเพื่อเป็นเงื่อนไขในการขอสินเชื่อจากธนาคาร

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....