
กองทุนเงินออมแห่งชาติ
ep.1 ของมันต้องมี
ท่านที่เป็นข้าราชการ ก็อาจจะตอบว่าไม่เป็นต้องห่วง เรามีเงินบำเหน็จ บำนาญอยู่แล้วไม่เดือดร้อนอะไร ส่วนพนักงานหรือ ลูกจ้างของบริษัทเอกชน ก็คงจะบอกว่า เราก็มีเงินบำเหน็จ บำนาญจากกองทุนประกันสังคมอยู่แล้ว และบางท่านก็อาจจะมีเงินก้อนจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทแถมให้อีกด้วย
ดูเหมือนว่าแต่ละคนจะมีหลักประกันหลังเกษียณพอสมควร แถมรัฐบาลท่านยังใจดีมีเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เป็นรายเดือนอีกต่างหาก (ถ้าไม่ถูกคนไม่ดีทุจริตไปเสียก่อน)
แต่ถ้าเราไปดูตัวเลขของผู้ที่มีหน้าที่ยื่นภาษีเงินได้ของประเทศไทย 5 ปีย้อนหลัง จะพบว่ามีคนที่อยู่ระบบภาษีและต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประมาณ 10 ล้านคน จากจำนวนประชากรวัยทำงาน (อายุ 20 – 60 ปี) ทั้งประเทศประมาณ 39 ล้านคน
แสดงว่ายังมีคนไทยอีกหลายสิบล้านคนที่ไม่อยู่ระบบสวัสดิการใด ๆ ที่จะทำให้มั่นใจได้ว่าภายหลังเกษียณแล้วเขาจะมีเงินเพียงพอใช้ หากไม่ได้เก็บออมไว้ในช่วงที่ยังทำงานอยู่
ดังนั้นในปี 2554 รัฐบาลในขณะนั้นจึงได้มีการออกกฎหมาย “พระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554” ออกมาบังคับใช้ แต่ก็ยังไม่มีระเบียบปฏิบัติทำให้กองทุนนี้มีแต่ชื่อ ไม่สามารถเปิดรับสมาชิกได้ จนกระทั่งปี 2558 ที่รัฐบาลสามารถผลักดันให้กองทุนนี้สามารถเปิดรับสมาชิกได้เป็นครั้งแรก
แต่จากปี 2558 จนถึงสิ้นเดือนเมษายน 2561 ปรากฏว่ามีผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกกองทุนนี้เพียง 535,146 รายเท่านั้น จากผู้ที่มีสิทธิประมาณ 25 ล้านคน ซึ่งผมบอกเลยว่าผู้ที่มีสิทธิแต่ไม่ได้สมัครกองทุนนี้ ถือว่าพลาดมาก!! ที่บอกว่าพลาด ก็เพราะว่าผู้ที่มีสิทธิ แต่ไม่ได้ออมกับกองทุนนี้ คุณจะไม่ได้รับเงินที่รัฐบาลช่วยสมทบเพื่อช่วยให้คุณมีเงินออมมากขึ้น
โดยปัจจุบันนี้ รัฐบาลมีหลักเกณฑ์ในการจ่ายเงินสมทบให้ดังนี้ครับ
ดูตารางแล้วอาจงง ๆ มาลองดูตัวอย่างจริง ๆ กันดีกว่า
สมมุติว่าท่านผู้อ่านอายุ 45 ปี แล้วสมัครเป็นสมาชิกกองทุน กอช. นี้ โดยออมเดือนล่ะ 1,000 บาท เมื่อครบหนึ่งปี ท่านก็จะมีเงินออมในกองทุน 1,000 x 12 = 12,000 บาท แล้วรัฐบาลท่านยังใจดีใส่เงินสมทบเพิ่มให้ท่านอีก 80% ของจำนวนที่ท่านออมแต่สูงสุดไม่เกิน 960 บาท
แปลว่าครบปีแล้วท่านจะมีเงินออม 12,000 + 960 = 12,960 บาท ไม่รวมกับผลประโยชน์ที่ได้จากการลงทุนของกองทุนนี้ ซึ่งมากกว่าดอกเบี้ยเงินฝากเสียอีก
แม้ว่าจะดูว่าเงินออมนี้ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ถ้าเปรียบเทียบว่าท่านเอาเงิน 12,000 บาท ไปฝากธนาคาร ท่านก็จะได้ดอกเบี้ยเพียง 0.5 – 1% หรือครบ 1 ปีท่านจะได้ดอกเบี้ยมาเพียง 60 – 120 บาทเท่านั้น ซึ่งเทียบกับที่รัฐบาลจ่ายสมทบให้ 960 บาท ถือว่าท่านเสียเปรียบคนที่ออมผ่านกองทุนนี้หลายเท่าเลย
สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นข้าราชการ หรือพนักงานบริษัทเอกชน บอกได้เลยว่ากองทุนนี้ถือว่า “ของมันต้องมี”
+++++++++++++++++++++++++
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
คอลัมน์ Infinity Wealth By ดร.พีท พีรภัทร ฝอยทอง CFP® ที่ปรึกษากฎหมายและนักวางแผนการเงินส่วนบุคคล