เปิดม่านชีวิต...เด็กไทยในออสเตรเลีย!!

ยุคแห่งการแข่งขันเช่นนี้ ไม่มีสำนวนใดจะมาเปรียบได้เหมาะเท่า

“มือใครยาวสาวได้สาวเอา” อีกแล้ว…

ยิ่งงานในปัจจุบันช่างหายากเหลือเกิน ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก ‘เทรนด์คนไทยแห่ไปทำงานต่างแดน’ จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกของวัยรุ่นสมัยนี้ที่ดูจะฟินสุดแล้ว อย่างที่รู้กันว่า การจะไปทำงานในต่างแดนได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมาตรการป้องกันคนต่างชาติเข้ามาหาผลประโยชน์ในประเทศนั้นแสนจะเข้มงวด และทางออกที่ดีที่สุดของวัยรุ่นสมัยนี้ คือ “วีซ่านักเรียน” เพราะไม่เพียงแต่จะมีอายุวีซ่านาน 6 เดือน (แถมยังต่ออายุได้อีก 1-2 ปี) ยังสามารถกอบโกยทั้งเงินและความรู้ได้อีกด้วย ประโยชน์ 2 in 1 แบบนี้ ช่างเหมาะกับยุคนี้เสียจริง

แล้วทำไมต้อง “ออสเตรเลีย”?

ก็อย่างที่รู้กันอีกแหละว่า คนไทยในออสเตรเลียเยอะมากมากถึงมากที่สุด ฉะนั้นแล้ว คำตอบง่ายๆ คือ รู้สึกสบายใจ รุ่นพี่ใจดีคนหนึ่งเล่าว่า วัยรุ่นไทยในออสเตรเลีย หลังว่างจากคอร์สเรียนภาษาแล้ว ส่วนใหญ่นิยมหางานทำที่ร้านอาหารไทย เพราะเป็นอาชีพที่หางานได้ง่ายที่สุด โดยเริ่มแรกเฉลี่ยรายได้ต่อชิพ คือ 1 ชิพ ต่อ 6 ชั่วโมง อัตราค่าจ้างจะอยู่ที่ ราว 1 ชิพ = 60-70 ดอลลาร์สหรัฐฯ และสามารถขอเพิ่มเป็น 2 ชิพได้ หากมั่นใจในศักยภาพด้านภาษา

นอกเหนือจาก การทำงานในร้านอาหารไทยแล้ว ยังมีอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจมาก เพราะค่าตอบแทนได้สูงกว่า ซึ่งวัยรุ่นไทยอาจจะยังไม่ทราบโดยละเอียด คือ อาชีพ Housekeeping หรือที่เข้าใจง่ายๆ คือ แม่บ้าน ที่บอกว่ารายได้ดีกว่าแต่คนไทยยังไม่นิยมไปทำ เพราะนายจ้างส่วนใหญ่จะค่อนข้างไม่ไว้ใจให้คนต่างชาติมาทำ และถือคติที่ว่า “คนบ้านเดียวกัน คุยกันง่ายกว่า” ซึ่งงานนี้ค่อนข้างหายาก บางทีต้องมีคนรู้จักแนะนำจริงๆ ถึงจะทำได้..

โดยเฉลี่ยรายได้ค่อนข้างสูงทีเดียว อยู่ที่ 23 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 1 ชั่วโมง ซึ่งสำหรับช่วงเวลาการจ้างงานจะแล้วแต่นายจ้างเป็นคนกำหนด

หากพูดถึงเรื่องการออมเงินของวัยรุ่นชาวออสซี่และวัยรุ่นไทยในออสเตรเลีย ต้องบอกว่า ถ้าเป็นวัยรุ่นไทยแล้วส่วนใหญ่ที่เรียนและทำงานในออสเตรเลีย จะแบ่งสัดส่วนการเก็บเงิน ประมาณ 1 ใน 3 ส่วน ของรายได้ทั้งหมด และที่เหลือ จะเป็นเงินที่ต้องเสียค่าเช่าหอพักและกินในชีวิตประจำวันซึ่งถือว่าสูงมาก ส่วนวัยรุ่นออสซี่โดยแท้ คำว่า “เก็บออมรอมริบ” ก็มีแต่ยังไม่โดดเด่นมากนัก เพราะสวัสดิการทางสังคมที่สูงลิ่ว ตามดัชนีการพัฒนามนุษย์ของ UNDP (Human Development Index – HDI) ที่ยกให้ออสเตรเลียอยู่อันดับ 3 จาก 177 ประเทศ (ไทยอยู่อันดับที่ 73)

แม้อุปสรรคที่ต้องเผชิญจะมากมายกว่าการทำงานที่เมืองไทย แต่ค่าตอบแทนและประสบการณ์ชีวิตที่หาจากที่ไหนไม่ได้ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ก่อให้เกิด “แรงผลัก” ให้คน Gen-Y สมัยนี้ ดิ้นรนเพื่อสวัสดิการชีวิตที่ดีกว่า ทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยโปรไฟล์สวยๆ กลับมาอีกด้วย.