ครึ่งปีกแรก! “ทิพยประกันชีวิต” ทะลุเป้า กำไรสุทธิ 420 ลบ. โต 256%  เดินหน้าเปิด Bancassurance พร้อมรีเซทระบบใหม่

 

ทิพยประกันชีวิต แถลงข่าวผลประกอบการครึ่งปีแรก โชว์ผลงานกำไร 420 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึงร้อยละ 256 โดยทำเบี้ยประกันภัยรับรวม 2,961 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.5 มั่นใจสิ้นปีทะลุเป้า 7,200 ล้านบาท  พร้อมเดินหน้าเต็มสูบเปิดช่องทาง Bancassurance  เสริมความแข็งแกร่งให้เบี้ยรับ

            นายนพพร บุญลาโภ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) แถลงผลประกอบการในครึ่งปีแรก ตั้งแต่เดือนมกราคม-เดือนมิถุนายน 2560 ว่า “บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิ 420 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน บริษัทฯ มีการเติบโตของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 256 ในขณะที่ทำเบี้ยประกันภัยรับรวมได้ 2,961 ล้านบาท มีการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 2.5  โดยมีรายได้จากการลงทุน 391 ล้านบาท มีการเติบโตของรายได้จากการลงทุนในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ  24   ซึ่งกำไร เบี้ยรับรวม และรายได้จากการลงทุนเกินกว่าที่บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าไว้ในทุกช่องทาง

บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2560  จำนวน 16,500 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 โดยมีระดับความเพียงพอของเงินกองทุน (Capital Adequacy Ratio – CAR) ณ สิ้นไตรมาส 2/2560 ที่ระดับร้อยละ 304 ซึ่งสูงกว่าระดับที่กฎหมายกำหนดอยู่มากกว่า 2 เท่า  และบริษัทฯ ยังได้มีการจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปีงบประมาณ 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.25 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จึงแสดงถึงสภาพคล่องและความมั่นคงในฐานะทางการเงินของบริษัทฯ

โดยมั่นใจปี 2560 จะสามารถดำเนินงานได้ทะลุเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวม 7,200 ล้านบาท ด้วยแผนกลยุทธ์หลักของบริษัทฯ  โดยช่องทางการลงทุนมีการบริหารการลงทุนโดยคำนึงถึงความเสี่ยงจากการลงทุนเป็นสำคัญ ซึ่งสัดส่วนของการลงทุนส่วนใหญ่จะอยู่ในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น พันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้เอกชน สลากออมสิน เป็นสัดส่วนเกือบ 80% ที่เหลืออีก 15% เป็นการลงทุนในกอง Property Fund และ Infrastructure Fund ที่ได้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ โดยมีการลงทุนในหุ้นอยู่ประมาณ 2%

ในขณะที่การบริหารทรัพยากรบุคคลอยู่ภายใต้กรอบนโยบาย Small but mighty การใช้ทรัพยากรในจำนวนที่น้อยแต่มากด้วยความสามารถ  เมื่อ 5 ปีก่อน ( พ.ศ.2555 ) ทิพยประกันชีวิตใช้พนักงานจำนวน 100 คน  รองรับเบี้ย 1,600 ล้านบาท  ซึ่งในปัจจุบันพนักงานของเรามีจำนวนไม่ถึง 150 คน ในการทำเบี้ยเกือบ 3,000 ล้านบาท  และผมมั่นใจในศักยภาพคนของเราว่าสามารถรองรับการขยายตัวของเบี้ยตามเป้าที่ตั้งไว้ 7,200 ล้านบาทในสิ้นปีนี้แน่นอน  เมื่อจำนวนคนมีน้อยเรื่องระบบจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญเราลงทุนเพื่อพัฒนาระบบ  IT  ในการสร้างหลังบ้านให้แข็งแกร่ง รวมไปจนถึงตื่นตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสู่ภาคอุตสาหกรรม การเตรียมความพร้อมรองรับการขยายงานด้าน Digital Marketing  และการเปิดช่องทางการขาย Bancassurance ผ่านธนาคารออมสิน ที่คาดว่าจะสามารถสร้างเบี้ยในครึ่งปีหลังได้ 1,000 ล้านบาท

ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการปรับโครงสร้างช่องทางขายเพื่อให้ทันต่อตลาดในปัจจุบัน โดยมีความไว้วางใจให้คุณศุภชัย  จงศุภวิศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด ที่สร้างผลงานนำพาช่องทาง MRTA เข้าสู่อันดับ 1 ในอุตสาหกรรมในปีนี้ มาดูแลช่องทางขายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นช่องทางประกันสถานบัน, ประกันกลุ่ม, Bancassurance รวมไปถึงช่องทางสามัญ ภายใต้หลักการการทำตลาดเชิงรุกแบบบูรณาการ

อย่างไรก็ตามอุตสาหกรรมประกันชีวิตไทย ยังมีอัตราการเติบโตที่สูงอยู่มาก และมีแนวโน้มในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากหลายปัจจัยไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนของภาครัฐ  สู่การเป็น “Digital Insurance” รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษี  ในขณะเดียวกันประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพ และตื่นตัวกับค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงการเข้าถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทำให้ผู้คนมีอายุที่ยืนยาวนำไปสู่สังคมผู้สูงอายุในอนาคตที่จะถึง”

            นายนพพร กล่าวสรุปว่า “ผลกำไรในครึ่งปีแรกนี้ ส่งผลให้เราสามารถคาดการณ์ตลาดในครึ่งปีหลังและปีหน้าได้อย่างแน่นอน ถึงแม้เศรษฐกิจของประเทศจะผันผวนตามปัจจัยต่างๆ ทั้งภาวะเศรษฐกิจและการเมืองจากภายนอกและภายในประเทศ  แต่เรามั่นใจว่าสามารถทำเป้าสิ้นปีนี้ให้เติบโตได้ร้อยละ 20  และเปิดช่องทาง Bancassurance เพื่อให้บริการแก่ประชาชนได้อย่างแน่นอน”         

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....