ส่องมาตรการรับมือ Covid-19 หลังพ่นพิษหนักทั่วโลก

Credit : www.africanews.com

เพิ่มเพื่อน

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 หรือ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่ลุกลามไปแล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก เริ่มระบาดเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน กระทบลามมายังทั้งภูมิภาคเอเชีย กระทั่งแพร่กระจายไปยังสหรัฐอเมริกา และยุโรปแล้ว ขณะ  “อิตาลี” ในวันนี้ (21 มี.ค.) กลายเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก จากการติดเชื้อ Covid-19 แซงหน้าจีนเรียบร้อยแล้ว

สถานการณ์ที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นี้ ทำให้รัฐบาลในหลายประเทศประกาศใช้มาตรการฉุกเฉิน อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยส่วนใหญ่เลือกใช้มาตรการ “ปิดประเทศปิดพรมแดน”

อิตาลี

ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อ อยู่ที่ 47,021 ราย และเสียชีวิตจาก Covid-19 มากที่สุดในโลก อยู่ที่ 4,032 ราย (ข้อมูล ณ 23 มีนาคม 2563) โดยมีสาเหตุเพราะว่า อิตาลี เป็นประเทศที่มีประชากรผู้สูงอายุมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจาก “ญี่ปุ่น” และส่วนใหญ่จะมีโรคประจำตัว และร่างกายไม่แข็งแรงมาก่อนหน้านี้แล้ว รวมไปถึงมีประเพณีการทักทาย ที่ค่อนข้างแนบชิดด้วยการสวมกอด และจูบแก้ม หรือหน้าผาก

อิตาลี เป็นประเทศแรกในยุโรปที่ประกาศปิดประเทศเมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ผ่านมา พร้อมสั่งให้ประชาชน 60 ล้านคน ห้ามออกนอกบ้านยกเว้นมีเหตุด่วนฉุกเฉิน รวมถึงสั่งปิดร้านค้า ร้านอาหาร โรงเรียน โรงภาพยนตร์ โรงละคร พิพิธภัณฑ์ สถานบันเทิง และศาสนสถานทั้งหมดทั่วประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่แออัดและเสี่ยงต่อการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อ

ในคำสั่งดังกล่าว ได้ “ยกเว้น” ร้านขายยา ร้านขายของชำ ธนาคาร ปั๊มน้ำมัน และระบบขนส่งสาธารณะที่ การประกาศปิดเมืองมีผลบังคับใช้ไปจนถึงวันที่ 3 เม.ย. 2563

สเปน-ฝรั่งเศส-เยอรมนี

3 ประเทศดังกล่าวรัฐบาลประกาศมาตรการปิดประเทศ เพื่อควบคุมสถานการณ์ในเวลาใกล้เคียงกัน

“สเปน” เป็นประเทศที่ 2 ในยุโรปที่ได้รับผลกระทบ รองมาจากอิตาลี โดยรัฐบาลสั่งปิดพรมแดนมาตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าประเทศ (ยกเว้นการขนส่งสินค้าและแรงงานที่จำเป็น) เพิ่มเติมจากมาตรการปิดเมืองทั่วประเทศที่ประกาศในวันเดียวกัน

ฝรั่งเศส  ประกาศปิดประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค.ที่ผ่านมา ต่อเนื่องจากที่ได้ประกาศเมื่อวันที่ 9 มี.ค. สั่งห้ามจัดกิจกรรมที่มีประชาชนมารวมตัวกันมากกว่า 1,000 คนทั่วประเทศ ทั้งยังสั่งปิดร้านอาหาร คาเฟ่ โรงภาพยนตร์ และร้านค้าต่าง ๆ ยกเว้นร้านขายยา ร้านขายของชำ ปั๊มน้ำมัน และระบบขนส่งสาธารณะ พร้อมบังคับใช้มาตรการกักกันประชาชนให้อยู่แต่ในบ้าน ห้ามเดินทางโดยไม่จำเป็นเป็นเวลา 15 วัน (ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน หรือต้องออกไปทำงานที่โรงพยาบาลเท่านั้น)

 เยอรมนี  เมื่อวันที่ 16 มี.ค. รัฐบาลได้สั่งปิดโรงเรียน ร้านค้าที่ไม่ใช่ร้านขายของชำ รวมถึงสถานบันเทิงและบริการต่างๆ นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้สั่งปิดพรมแดนที่ติดกับ ฝรั่งเศส ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก และเดนมาร์ก โดยมีกรณียกเว้นสำหรับการขนส่งสินค้าและแรงงานที่จำเป็นเท่านั้น

อังกฤษเดนมาร์ก

 “อังกฤษ” รัฐบาล ประกาศใช้มาตรการ lock down ปิดไนท์คลับ โรงภาพยนตร์ สถานออกกำลังกาย และศูนย์สันทนาการ รวมทั้งปิดโรงเรียนในอังกฤษ สกอตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ อย่างไม่มีกำหนด ทั้งยังเรียกร้องให้ประชาชนทำงานจากบ้าน ไม่ออกนอกบ้านหากไม่มีเหตุผลที่จำเป็น

รัฐบาลเดนมาร์ก ได้ประกาศปิดประเทศด้วยเช่นกัน กำหนดระยะเวลา 1 เดือน (วันที่ 14 มีนาคม – 13 เมษายน) โดยไม่อนุญาตให้พลเรือนชาติอื่นเดินทางเข้ามาประเทศ ไม่ว่าจะทางเครื่องบิน เรือ รถไฟ และรถยนต์ แต่สำหรับการขนส่งสินค้า อาหาร และยา ถูกยกเว้นเป็นกรณีพิเศษที่ยังคงเป็นไปตามปกติ

สหรัฐอเมริกา

“นครนิวยอร์ก” เป็นรัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดในสหรัฐฯ ล่าสุดวันที่ 21 มี.ค. นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กได้ประกาศใช้มาตรการ lock down หรือใช้มาตรการป้องกันรุนแรง คล้ายๆ กับประเทศอื่นที่ได้รับผลกระทบ โดยการจำกัดการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และงดจัดกิจกรรมนอกบ้าน ทั้งยังขอความร่วมมือให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้าน เป็นมาตรการที่คล้ายกับรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ได้ประกาศใช้มาแล้วก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายประเทศที่จะประกาศใช้มาตรการปิดประเทศตามประเทศอื่น ได้ เช่น แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ซึ่งได้ปิดพรมแดนไปแล้วก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ จะเห็นว่ามาตรการที่รัฐบาลเลือกใช้มากที่สุด ก็คือ การปิดประเทศ/พรมแดน ซึ่งอันที่จริงเป็นโมเดลที่มาจาก “จีน” หลังจากที่ยกระดับความรุนแรงเป็นระดับ 3 และสั่งปิดประเทศทันที จนขณะนี้ในเมืองอู่ฮั่น ที่เป็นแหล่งเชื้อไวรัสต้นทาง พบว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่กลายเป็น 0 ส่วนเมืองอื่นๆ ในจีน พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวนน้อยลงมากๆ ทั้งยังติดเชื้อมาจากนอกประเทศจีนด้วย

Credit : www.businesstoday

ลองมาดูฝั่งประเทศในเอเชียกันบ้างว่างัดใช้มาตรการอะไรไปแล้วบ้าง เริ่มจาก

“สิงคโปร์มาเลเซีย” 2 ประเทศนี้มีชุมชนคนจีนจำนวนมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยได้ประกาศปิดประเทศและพรมแดนอย่างด่วนเป็นมาตรการแรก หลังจากที่มีผู้ติดเชื้อในประเทศ

“อินโดนีเซีย”   รัฐบาลประกาศสั่งให้งดจัดพิธีกรรมละหมาดใหญ่ในทุกๆ วันศุกร์ ณ จาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย หลังจากที่มีกระแสข่าวการโจมตีพิธีทางศาสนา ซึ่งมีส่วนทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นในหลายประเทศ ทั้งเกาหลีใต้, บังกลาเทศ และ มาเลเซีย โดยการติดเชื้อในมาเลเซีย ยังทำให้ประเทศเล็กๆ อย่าง “บรูไน” ซึ่งมีพรมแดนติดกันสั่งปิดประเทศแล้วเช่นกัน

“ฟิลิปปินส์” รัฐบาลได้ประกาศเคอร์ฟิวในเมืองหลวงกรุงมะนิลา (ตั้งแต่เวลา  22.00 – 05.00 น.) ไปจนถึงวันที่ 12 เม.ย. นอกจากนี้ยังสั่งปิดโรงเรียน ท่าเรือ และสถานบันเทิงอื่นๆ ขณะที่ล่าสุดได้สั่งห้ามคนเข้า-ออกสนามบินทันทีหากไม่จำเป็น (นั่นก็ไม่ต่างกับการปิดประเทศ)

“สปป.ลาว” เพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงของไทย ที่แม้ว่าจะยังไม่มีรายงานข่าวพบผู้ติดเชื้อ Covid-19 ในตอนนี้ แต่ก็ได้สั่งให้งดจัดกิจกรรมแล้ว รวมไปถึงประเพณีสงกรานต์ด้วย เช่นเดียวกันกับ “เมียนมา” ที่รัฐบาลสั่งห้ามจัดวันสงกรานต์ เพื่อป้องกันการอยู่ในที่ชุมชนคนเยอะๆ และอาจทำให้มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศได้

สำหรับ “ไทย”   (23 มี.ค.)  มีผู้ป่วยโควิดรายใหม่ 122 ราย ทำยอดสะสมพุ่ง 721 ราย (ข้อมูล ณ 23 มีนาคม 2563) ขณะที่รัฐบาลเองก็ได้ประกาศมาตรการการตรวจเข้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศ ว่าต้องมีทั้งใบรับรองแพทย์ก่อนเดินทางมา 3 วัน รวมถึงต้องมีใบประกันสุขภาพมาแสดงด้วย

ขณะที่ล่าสุด พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ประกาศเตรียมสั่งปิดสถานที่เสี่ยงเพิ่มอีก 22 วัน เริ่ม 22 มี.ค. -12 เม.ย.นี้ (ยกเว้นซูเปอร์มาร์เก็ต, ร้านสะดวกซื้อ, และร้านอาหารขายได้เฉพาะหิ้วกลับบ้าน) นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือหน่วยงานเอกชนให้อนุญาตพนักงาน work from home ส่วนระบบขนส่งมวลชนได้ขอให้จัดเว้นระยะที่นั่งเพื่อลดความแออัดของผู้โดยสารเพิ่มด้วย

ทั้งนี้ สถานการณ์ในหลายประเทศเอเชียที่ก่อนหน้านี้เข้าสู่ขั้นวิกฤต อย่างจีน และญี่ปุ่น ก็เริ่มคลี่คลายบ้างแล้ว ส่วน “อินเดีย” ประเทศที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับ 2 ของโลก กลับพบผู้ติดเชื้อเพียงหลักร้อย อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้สั่งให้เคอร์ฟิวทั้งประเทศในวันที่ 22 มี.ค. (ตั้งแต่ 07.00 – 21.00 น.) เป็นการซ้อมปิดประเทศหากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ทั้งยังสั่งห้ามนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า ระหว่างวันที่ 13 มี.ค. – 15 เม.ย. 2563

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....