BKI ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมปี 61 โต 5%


ดร.อภิสิทธิ์ อนันตนาถรัตน กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI กล่าวว่า ปี 2560 บริษัทฯ มีเบี้ยประกันภัยรับรวม 15,940.9 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.6 จากปี 2559 ด้านผลกำไร บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจากการรับประกันภัยหลังหักค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและต้นทุนทางการเงิน 1,396.4 ล้านบาท ประกอบกับมีการบริหารการลงทุนที่ดี ทำให้บริษัทฯ มีกำไรก่อนหักภาษีเงินได้ 2,762.3 ล้านบาท และเมื่อหักค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้แล้ว บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 2,403.1 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 22.57 บาท สำหรับปี 2561 ตั้งเป้าหมายเติบโตร้อยละ 5 คิดเป็นเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 16,800 ล้านบาท ซึ่งการกำหนดเป้าหมายนี้อยู่บนสมมติฐานที่ว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวดีขึ้นด้วยแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ของภาครัฐ การท่องเที่ยว และการนำเข้าส่งออกที่ขยายตัวขึ้น โดยทิศทางการดำเนินงานหลักๆ ของบริษัทฯ มีดังนี้
– การขยายเบี้ยประกันภัยทั้งจากการเพิ่มอัตราการต่ออายุ และการหาลูกค้าใหม่
– การขยายตลาดลูกค้ารายย่อยยังเป็นเป้าหมายสำคัญสำหรับการประกันภัยรถยนต์
– งานประกันภัย Non – Motor จะมุ่งขยายงานตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche market) มากขึ้น เช่น ประกันภัย D&O ประกันภัย Trade Credit ซึ่งมีฐานลูกค้าเฉพาะกลุ่มและยังมีคู่แข่งขันน้อยราย รวมถึงการประกันภัย Drone

นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนงานที่จะนำดิจิทัลเทคโนโลยีมาใช้ในวงการประกันภัย โดยขณะนี้ได้มีการศึกษาและเตรียมการสร้างหน่วยงานเฉพาะด้านนวัตกรรมและดิจิทัลเทคโนโลยี เพื่อสรรหาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในธุรกิจประกันภัย ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการขายประกันภัย เทคโนโลยีที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการแจ้งเคลมหรือชำระเงิน เพื่อเป็นการเพิ่มคุณภาพในการให้บริการลูกค้าและคู่ค้าให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงลดข้อผิดพลาดในการทำงานของพนักงาน ตลอดจนช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานของบริษัทฯ ประกอบกับในปัจจุบันบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับการนำระบบ CRM มาใช้ในการให้บริการลูกค้าและคู่ค้าอย่างเต็มที่ เช่น การจัดทำแผนเยี่ยมเยียนลูกค้า คู่ค้า การต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย การจัดแคมเปญการขาย เป็นต้น

นอกจากนี้ในช่วงต้นเดือนมีนาคม บริษัทฯ ได้ออกกรมธรรม์ประกันภัยสวนทุเรียน ซึ่งถือเป็นบริษัทประกันภัยรายแรกที่มีการรับประกันภัยดังกล่าว โดยให้ความคุ้มครองความเสียหายจากภัยอันได้แก่ ภัยลมพายุ ลูกเห็บ น้ำท่วม ไฟไหม้ ฟ้าผ่า ไฟไหม้ป่า พุ่มไม้หรือพงรกโดยอุบัติเหตุ หรือเหตุที่ลุกไหม้ขึ้นมาเอง รวมถึงการกระแทก การชน หรือลำต้นหักโดยสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่า หรือสัตว์เลี้ยง ด้วยบริษัทฯ เห็นถึงความสำคัญของทุเรียนซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย และที่ผ่านมาเกษตรกรมักจะประสบกับปัญหาผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นค่อนข้างบ่อย โดยได้ทำลายสวนทุเรียนทำให้ได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก ดังนั้น การประกันภัยสวนทุเรียนจะสามารถตอบโจทย์ในการช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกรได้เป็นอย่างดี ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีด้วยเช่นกัน

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....