เอไอเอ ประเทศไทย เปิดตัวแคมเปญ “Fight Dengue” เสริมเกราะป้องกันให้คนไทยห่างไกลโรค ไข้เลือดออก ตอกย้ำคำมั่นสัญญา ‘เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น’

เอไอเอ ประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ เดินหน้ามอบความคุ้มครองเชิงรุกผ่านแคมเปญล่าสุด “Fight Dengue” ภายใต้โครงการ “Healthier You เริ่มต้นที่การฉีดวัคซีน”มอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าเอไอเอให้สามารถเข้าถึงการฉีดวัคซีนได้ตลอดทั้งปี เพื่อป้องกันความรุนแรงจากการติดเชื้อโรคที่พบบ่อยในประเทศไทย

โดยเฉพาะโรคไข้เลือดออกที่ปัจจุบันถือเป็นภัยเงียบสำหรับทุกเพศทุกวัย อีกทั้งยังคงเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศ และมีอัตราการระบาดได้ทุกฤดูตลอดทั้งปี ซึ่งวิธีป้องกันโรคที่ดีที่ที่สุดคือการฉีดวัคชีนไข้เลือดออก

ดังนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของแคมเปญ “Fight Dengue” ที่เอไอเอมุ่งเสริมเกราะป้องกันโรคไข้เดือดออกให้กับคนไทย เพื่อลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยรุนแรงและภาระค่ารักษาพยาบาล พร้อมส่งเสริมให้คนไทยทั่วประเทศมีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น ตามคำมั่นสัญญา ‘Healthier, Longer, Better Lives’ โดยในงานยังได้ คุณชาย ชาดโยดม หิรัณยัษฐิติ และคุณวิกกี้ สุนิสา เจทท์ มาร่วมพูดคุยเรื่องการดูแลขภาพและการป้องกันให้ห่างใกลจากโรคไข้เลือดออก เพื่อสุภาพที่ดีของตัวเองและคนในครอบครัว

คุณเอกรัตน์ ฐิติมั่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจประกันสุขภาพ เอไอเอ ประเทศไทย กล่าวว่า “เอไอเอ เชื่อว่าการมีชีวิตที่ดีไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การวางแผนทางการเงินที่รอบดอบ แต่ยังรวมไปถึงการวางแผนเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงควบคู่กันไปด้วย ปีนี้เราจึงได้ริเริ่มโครงการ Healthier You เริ่มที่การฉีดวัดชีน’ ขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าได้เข้าถึงการบริการและนวัตกรรมป้องกันโรคต่าง ๆ ที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น ซึ่งการฉีดวัคชีนเป็นหนึ่งในทางเลือกของการป้องกันโรค

โดยเฉพาะโรคที่พบบ่อยและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้มีการป้องกันและรักษาที่ถูกต้อง อย่างเช่น โรคไข้เลือดออกซึ่งเป็นหนึ่งในโรคที่ส่งผลกระทบต่อคนไทยมาโดยตลอด นอกจากตัวผู้ป่วยเองจะต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคแล้ว ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่อาจส่งผลแก่ชีวิตหากมีโรคประจำตัวหรือภาาวะแทรกช้อน

จากสถิติในปีที่ผ่านมาเราพบว่าในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อมากถึงหลักแสนราย และมีลูกค้าเอไอเอจำนวนมากที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยโรคไข้เลือดออก อีกทั้งยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเป็นจำนวนไม่น้อย และการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแต่ละครั้งยังต้องใช้ระยะเวลาเฉลี่ยถึง 4 – 5 วัน ดังนั้น ผู้ป่วยอาจต้องหยุดงาน หยุดเรียน ขาดรายได้ รวมถึงขาดโอกาสอื่น ๆ ในชีวิตช่วงที่รักษาตัว ขณะที่คนในครอบครัวย่อมได้รับผลกระทบตามมาเช่นเดียวกัน

แคมเปญ ‘Fight Dengue’ จึงเป็นอีกทางเลือกกับลูกค้าเอไอเอได้เข้าถึงการฉีดวัคชีนป้องกันโรคไข้เลือดออกได้สะดวกขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงของโรคส่งผลถึงค่ารักษาพยาบาลที่ย่อมลดน้อยลง ตลอดจนยังทำให้ลูกค้าของเรามีสุขภาพที่ดีขึ้น ตามพันธกิจสำคัญของเอไอเอที่ต้องการส่งเสริมผู้คนกว่าพันล้านคนให้มีสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืน”

นพ.วีรวัฒน์ มโนสุทธิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ และ นายแพทย์ระดับทรงคุณวุฒิ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า “ใข้เลือดออกเป็นโรคที่พบได้ทุกช่วงวัย โดยอาการอาจมีตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงอาการรุนแรงสู่ภาวะช็อกหัวใจหยุดเต้น และอาจเสียชีวิตได้ในระยะเวลาไม่กี่วัน ผู้ที่เคยติดเชื้อแล้วสามารถติดเชื้อซ้ำได้ เพราะไข้เลือดออกมี 4 สายพันธุ์ และครั้งที่สองมักมีอาการรุนแรงยิ่งขึ้น ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานหรือผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงก็สามารถติดเชื้อและอาการอาจจะรุนแรงได้เช่นกัน

จากสถิติในปี 2567 พบว่าผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมในไทยตลอดปีมีมากถึง 105,250 ราย และเสียชีวิตถึง 112  ราย กระจายทั่วประเทศ โดยกลุ่มอายุที่มีอัตราเสียชีวิตมากที่สุดอยู่ในช่วงกลุ่ม 35-44 ปี ตามมาด้วยกลุ่ม 35-44 ปี และกลุ่ม 66 ปี ขึ้นไป

โดยโรคนี้สามารถระบาดได้ตลอดปี จึงควรป้องกันอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การป้องกันยุงกัด การกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบ้าน และที่สำคัญคือเสริมภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัดชีน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยลดความรุนแรงของโรคและลดอัตราการนอนโรงพยาบาลได้ 80-90%* การป้องกันจึงเป็นกุญแจสำคัญในการดูแลสุขภาพของทุกคนในครอบครัว*

คุณชาย-ชาตโยดม หิรัญยัษฐิติ นักแสดงและคุณพ่อลูก 2 กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ไม่คิดว่าไข้เลือดออกเป็นเรื่องใกล้ตัว เพราะเป็นคนดูแลสุขภาพและไม่ค่อยป่วยหนัก คิดว่าตัวเองแข็งแรงมาตลอด แต่จริง ๆ แล้วเพราะคนที่แข็งแรงก็สามารถป่วยจากโรดนี้ได้ และผมได้เห็นเพื่อนและคนรอบตัวต้องเข้ารับการรักษาโนโรงพยาบาลจากอาการที่รุนแรง เราจึงเริ่มเข้าใจว่าโรคนี้ไม่ใช่แค่ใรคทั่วไป อีกอย่างเราเป็นหัวหน้าครอบครัวเรายิ่งต้องป้องกันตัวเองจากการเจ็บป่วย

นอกจาการเตรียมพร้อมในการมีประกันสุขภาพเมื่อยามเจ็บป่วยแล้ว การที่ประกันสุขภาพสามารถเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงการฉีดชีนเพื่อเสริมเกราะป้องกันและลดอาการรุนแรงของโรคไข้เลือดออกเป็นการตอบโจทย์ความต้องการทางสุขภาพของลูกค้า เพราะเราไม่อยากพลาดโอกาสหลายอย่างในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องาน เรื่องเรียน หรือแม้แต่ช่วงเวลาดี ๆ ที่ควรได้ใช้ร่วมกับครอบครัวและคนสำคัญ”

“นอกจากจะต้องห่วงลูก ๆ จากโรคยอดฮิตแล้วไข้เลือดออกก็เป็นอีกโรคที่สำหรับคนเป็นแม่ละเลยไม่ไม่ได้เลย เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่ายุงจะมากัดลูกหรือเราเมื่อไหร่ อีกอย่างไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มียุงหมด สิ่งที่วิกกี้บอกกับครอบครัวเสมอคือเราต้องใส่ใจกับการป้องกัน เพราะใช้เลือดออกมันระบาดได้ทั้งปี ไม่ใช่แค่ในช่วงหน้าฝน เราจึงไม่ควรมองข้ามเพราะไข้เลือดออกใกล้ตัวและอันตรายกว่าที่คิด วิธีป้องกันที่เริ่มจากตัวเราเองใต้เช่นการเป็นบ้านให้รก เปลี่ยนน้ำบ่อย ๆ เพื่อไห้มีบริเวณน้ำชัง เก็บขยะไปทิ้งทุกวัน

อย่างกับลูกวิกกี้จะทากันยุงเมื่อต้องไปในทีที่เสียงโดนยุงกัด และอีกหนึ่งทางเลือกคือการฉีดวัดจีนที่สามารถทำควบคู่กันไปกับการปฏิบัติตามมาตราการการป้องกัน เพราะเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเราจะเป็นไข้เลือดออกเมื่อไหร่ ฉะนั้นยิ่งถ้าไม่รู้ เรายิ่งต้องป้องกันค่ะ” คุณวิกกี้-สุนิสา เจทท์ นักแสดงและคุณแม่มากความสามารถ กล่าวทิ้งท้าย

สำหรับแคมเปญ “Fight Dengue” เอไอเอ จะมอบสิทธิพิเศษในการฉีดวัดซีนป้องกันโรคใช้เลือดออกสำหรับลูกค้าทั่วไป และสมาชิก AIA Prestige Club โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม – ตุลาคม 25668 ทั้งนี้ ลูกค้าเอไอเอสามารถเข้ารับบริการผ่านโรงพยาบาลในโครงการ AIA Smart Network ทั้งนี้ สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทางผ่านสื่อออนไลน์ของเอไอเอ ประเทศไทย ทั้ง AIA Official Facebook Page และ Line Official Account

อนึ่งสำหรับเกณฑ์การเข้าเงื่อนไขแนวปฏิบัติประกันสุขภาพส่วนร่วมจ่าย (Copayment) ในเงื่อนไขการต่ออายุกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal)” แบ่งออกเป็น 3 กรณี ได้แก่

กรณีที่ 1 การเคลมสำหรับโรคที่ไม่รุนแรง หรืออาการที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล การเจ็บป่วยเล็กน้อย (Simple diseases) หรืออาการที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล โดยเบิกเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และอัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% ของเบี้ยประกันภัยสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไป

กรณีที่ 2 การเคลมสำหรับโรคทั่วไปแต่ไม่นับรวมการผ่าตัดใหญ่และโรคร้ายแรง โดยเบิกเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และอัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 400% ของเบี้ยประกันสุขภาพ จะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาในปีถัดไป

กรณีที่ 3 หากเข้าเงื่อนไขทั้งในกรณีที่ 1 และ กรณีที่ 2 จะต้องร่วมจ่าย 50% ทุกค่ารักษาในปีถัดไป

ซึ่งเมื่อผู้เอาประกันภัย เข้าเงื่อนไขส่วนร่วมจ่าย (Copayment)  ในปีต่ออายุถัดไปแล้ว ผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมจ่าย 30% หรือ 50% ตามสัดส่วนที่กำหนดในค่ารักษาพยาบาล แต่หากการเคลมมีการปรับตัวลดลงและไม่เข้าเงื่อนไขการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) บริษัทประกันภัยจะพิจารณายกเลิกการมีส่วนร่วมจ่าย (Copayment) กรมธรรม์ดังกล่าวจะกลับสู่สถานะปกติได้เช่นเดิมในปีถัดไป 

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....