กลุ่มบริษัทเอไอแจงQ1/63 ธุรกิจใหม่ลด 27% เบี้ยปีแรกลด 18% เบี่้ยรวมโตเพิ่ม 8% “ฮ่องกง-จีน” ตัวแปรสำคัญ 

นายอึง เค็ง ฮุย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทเอไอเอ เปิดเผยว่า ผลกระทบทางอ้อมของการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ไตรมาสแรกของปี 2563 มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB) ของเอไอเอโดยรวม 841 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญของธุรกิจในฮ่องกงและประเทศจีน มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อแต่ละตลาด ซึ่งแน่นอนว่ากระทบต่อยอดขายธุรกิจใหม่ในฮ่องกงและประเทศจีนในไตรมาสแรกนี้  และส่งผลกระทบต่อธุรกิจใหม่ในประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และไทยในเดือนมีนาคม  อย่างไรก็ตาม กลุ่มเอไอเอมีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่ที่แข็งแกร่ง ยกเว้นฮ่องกงและประเทศจีน ในช่วงสองเดือนแรกของปี 2563

มาตรการควบคุมโรคยังคงจำกัดการพบเจอกันแบบเห็นหน้า ซึ่งเป็นวิธีการขายหลักที่ทำให้เกิดธุรกิจใหม่ของเรา อย่างไรก็ตาม เพื่อตอบรับมาตรการดังกล่าว ทีมงานของเราในประเทศจีน ได้เร่งพัฒนาและปรับปรุงเครื่องมือดิจิทัลใหม่ เพื่อให้สามารถทำการขายผ่านระบบดิจิทัลได้อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการสรรหาตัวแทนใหม่และฝึกอบรมตัวแทนผ่านทางออนไลน์ จากความสำเร็จในการพัฒนาระบบในครั้งนี้ ทำให้ตัวแทนของเราในแต่ละประเทศสามารถทำการขายผ่านระบบดิจิทัล  รวมทั้งการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายในระยะสั้น เพื่อเพิ่มยอดขายในระยะยาว อย่างไรก็ตาม เราคาดการณ์ว่าการพบเจอลูกค้าแบบเห็นหน้าอย่างน้อยหนึ่งครั้งยังเป็นสิ่งสำคัญของขั้นตอนการขายประกันชีวิต  ในขณะที่เราพบว่าการสรรหาตัวแทนและการฝึกอบรมตัวแทนผ่านทางออนไลน์ในไตรมาสแรกนั้น  ได้ช่วยสนับสนุนให้จำนวนตัวแทนใหม่ของกลุ่มบริษัทเอไอเอ มีการเพิ่มขึ้นเป็นตัวเลขสองหลัก” นายอึง เค็ง ฮุย กล่าวและว่า

สำหรับผลการดำเนินงาน เอไอเอ ฮ่องกง มีการลดลงอย่างมีสาระสำคัญในมูลค่าธุรกิจใหม่ เป็นผลกระทบหลักมาจากมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ลดลงของกลุ่มลูกค้าจีน สืบเนื่องมาจากยอดนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงในแต่ละเดือนในไตรมาสแรก ความไม่สะดวกใจในการพบกันแบบตัวต่อตัว และข้อจำกัดของรูปแบบผลิตภัณฑ์ ส่งผลให้มีค่าเฉลี่ยของยอดเบี้ยประกันภัยเพียงเล็กน้อยที่เข้ามาในตลาดผ่านระบบการลงนามออนไลน์ จึงทำให้มูลค่าธุรกิจใหม่ลดลงเป็นตัวเลขสองหลักจากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ 

เอไอเอ ประเทศจีน เป็นตลาดที่สร้างมูลค่าธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มบริษัทเอไอเอ มากที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2563 ถึงแม้ในรายงานระบุว่ามูลค่าธุรกิจใหม่ลดลงเป็นตัวเลขสองหลักก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราแตกต่างจากคู่แข่ง คือ กลยุทธ์พรีเมียร์ เอเจนซี (Premier Agency) และการปรับตัวที่รวดเร็วของเราในการนำเอาระบบดิจิทัลเข้ามาสนับสนุนในการสรรหาตัวแทน รวมไปถึงการฝึกอบรม และการบริหารที่ดี ทำให้เรามีการจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะที่ตัวแทนเดิมของเรายังคงมีความแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ยอดขายในเดือนมีนาคม 2563 ต่ำกว่าในเดือนมีนาคม 2562 แต่กระบวนการขายผ่านระบบดิจิทัล และมาตรการผ่อนผันในช่วงมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ช่วยให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2563  ทั้งนี้ กว่าครึ่งหนึ่งของยอดขายในเดือนมีนาคม มาจากการขายแบบเสมือนพบเจอกันตัวต่อตัว (Virtual face-to-face meeting) และการเซ็นลงนามของลูกค้าผ่านระบบดิจิทัล

เอไอเอ ประเทศไทย มีการเติบโตในมูลค่าธุรกิจใหม่เป็นตัวเลขสองหลัก เนื่องมาจากยอดขายที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการขายผ่านตัวแทนประกันชีวิตและช่องทางแบงก์แอสชัวรันส์ สำหรับธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ รายงานว่ามีการเติบโตของมูลค่าธุรกิจใหม่เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 รวมไปถึงผลการดำเนินงานที่ดีจากช่องทางตัวแทน ด้านเอไอเอ ประเทศมาเลเซีย มูลค่าธุรกิจใหม่ลดลงเป็นตัวเลขสองหลัก ถึงแม้ว่าจะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ แต่ถูกหักล้างด้วยยอดมูลค่าธุรกิจใหม่ที่ตกต่ำในเดือนมีนาคม เมื่อต้องเผชิญกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อกิจกรรมการขาย

การเติบโตเป็นตัวเลขสองหลักจากตลาดอื่นๆ นำโดยประเทศออสเตรเลีย เวียดนาม และไต้หวัน (จีน) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พันธมิตรธุรกิจแบงก์แอสชัวรันส์ระยะยาวรายใหม่ของเรา ได้แก่ ธนาคารคอมมอนเวลธ์ แบงก์ ออฟ ออสเตรเลีย (ซีบีเอ) (Commonwealth Bank of Australia, CBA) ที่ได้สร้างรายได้เพิ่มขึ้นให้แก่เอไอเอ ประเทศออสเตรเลีย และส่งผลให้มีมูลค่าธุรกิจใหม่ที่เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  เนื่องจากธนาคารซีบีเอ ได้ซื้อความคุ้มครองประกันชีวิตจากเอไอเอ ประเทศออสเตรเลียในนามลูกค้าสินเชื่อบ้านปัจจุบันของธนาคารซีบีเอ

สรุปสาระสำคัญทางการเงิน

หน่วย : ล้านเหรียญสหรัฐ เว้นแต่ระบุเป็นอย่างอื่น

ไตรมาสที่ 1
ปี  2563

ไตรมาสที่ 1
ปี 2562

เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (อัตราแลกเปลี่ยนคงที่)

เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (อัตราแลกเปลี่ยนตามจริง)

มูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB)

841

1,169

(27)%

(28)%

อัตรากำไรของมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin)

56.6%

63.6%

(6.9) จุด

(7.0) จุด

เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP)

1,483

1,827

(18)%

(19)%

เบี้ยประกันภัยรับรวม (TWPI)

8,796

8,276

8%

6%

 

โดยรวม เบี้ยประกันภัยรับปีแรก (ANP) ลดลงร้อยละ 18 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 เป็นมูลค่า 1,483 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนให้เห็นถึงยอดขายที่ลดลงของธุรกิจในฮ่องกงและประเทศจีน กำไรจากมูลค่าธุรกิจใหม่ (VONB margin) ลดลงเป็นร้อยละ 56.6 หรือลดลง 6.9 จุด ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของผลิตภัณฑ์และส่วนผสมทางภูมิศาสตร์ รวมไปถึงผลกระทบจากค่าใช้จ่ายส่วนเกิน สะท้อนไปยังยอดขายที่ลดลง กำไรที่รายงานบนมูลค่าปัจจุบันของเบี้ยประกันภัยในธุรกิจใหม่ (PVNBP) ลดลงเป็นร้อยละ 10 จากร้อยละ 11  สมมติฐานทางเศรษฐกิจในระยะยาว คาดการณ์ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขจากที่แสดงในรายงานประจำปี 2562 สำหรับเบี้ยประกันภัยรับรวมของเราเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 เป็น 8,796 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562 ทั้งนี้เป็นผลมาจากคุณภาพของแผนธุรกิจ และมูลค่าธุรกิจจากการดำเนินงาน ที่ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดีในไตรมาสแรกปี 2563

กลุ่มบริษัทเอไอเอ ยังคงมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 และทุกตลาดยังมีเงินกองทุนที่ต้องดำรงไว้ตามที่หน่วยงานกำกับธุรกิจประกันภัยกำหนดเกินอยู่ เราไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายในการลงทุนของเรา อีกทั้งระดับความน่าเชื่อถือของพอร์ตการลงทุนของเราในการลงทุนตราสารหนี้ที่มีความหลากหลายในระหว่างไตรมาสแรกของปี 2563 ก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด

 

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....