นักคณิตศาสตร์ฯ แอ่นอกช่วย “ประกันภัย” ร่างแนวปฏิบัติขอกธ.-ปรับสุขภาพใหม่เสนอคปภ.

นายพิเชฐ เจียรมณีทวีสิน นายกสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากในปี 2561 ที่ผ่านมา มีบริษัทประกันภัยยื่นขอแบบประกัน (กรมธรรม์) 8,000  กว่าแบบกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ส่วนหนึ่งมาจากมีการเปลี่ยนแปลงตารางมรณะ บริษัทประกันต่างๆ จึงมีการขออัพเดทแบบประกันที่มีอยู่ก่อนหน้านั้น นำมาขออนุมัติเบี้ยใหม่ และนั่นทำให้เป็นที่มาของการปรับปรุงกระบวนการให้ความเห็นชอบผลิตภัณฑ์ประกันภัยและการพัฒนาปรับปรุงสัญญาประกันสุขภาพ

“ซึ่งในขณะนี้ การจะยื่นขออนุมัติแบบประกันจากคปภ. นั้น จะมีอยู่ 2 ช่องทางด้วยกัน คือ แบบยื่นขออัตโนมัติ กับ แบบยื่นขอปกติ” นายพิเชฐกล่าว และว่า

เพื่อให้เป็นแนวทางในการยื่นแบบประกันให้คปภ.พิจารณาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และผ่อนคลายการกำกับจากคปภ. นั้น ทางภาคธุรกิจจะต้องมีการตั้ง Product Governance Committee ขึ้นมาเพื่อเตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนที่จะยื่นส่งให้ คปภ. พิจารณาอนุมัติ โดยหลังจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แล้ว ทางคปภ. คาดหวังว่า การยื่นแบบประกันขออนุมัติส่วนใหญ่จะเข้าแบบ อัตโนมัติทั้งหมด 80% และอีก 20% ที่เหลือ จะเป็นการยื่นขอแบบปกติ

เพื่อให้การอนุมัติแบบปกติรวดเร็วยิ่งขึ้น ทางคปภ. เสนอแนวทางแก้ โดยแบ่งเคสปกติให้เป็น ปกติแบบเป็นการขอใหม่ หรือ เป็นการขอต่ออายุ หรือ เป็นการขอแบบซับซ้อน หรือ ไม่ซับซ้อน ทั้งหมดมี 4 ช่องทางคือ

1.แบบปกติ แบบขอใหม่ ไม่ซับซ้อน

2.แบบปกติ แบบขอใหม่ ซับซ้อน

3.แบบปกติ แบบขอต่ออายุ ไม่ซับซ้อน และ

4.แบบปกติ แบบขอต่ออายุ ซับซ้อน

“ซึ่งเมื่อมีการแบ่ง เคสปกติ ออกมาจากที่เป็นแบบ ปกติอย่างเดียว เป็นแบบ ปกติ ที่แบ่งออกมาเป็น 4 ช่องทางเพิ่มเติม ก็จะสามารถทำให้การยื่นขออนุมัติแบบประกันจาก คปภ. เร็วขึ้นได้”

นายพิเชฐกล่าวต่อว่า ในส่วนของทางสมาคมนักคณิตศาสตร์ประกันภัยนั้น มองเห็นว่า แบบประกันภัยเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของธุรกิจประกันภัย โดยมองในมุมกว้างถึงเรื่องความสามารถในการแข่งขัน แบบผลิตภัณฑ์ประกันภัยของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง นวัตกรรม เบี้ยประกันภัย ความยืดหยุ่นทั้งฝั่งภาคธุรกิจและผู้บริโภคที่ซื้อกรมธรรม์ประกันภัย ซึ่งทางสมาคมฯ ยินดีสนับสนุนเรื่องของการร่างสูตรการคำนวณที่ผ่อนคลายและยืดหยุ่นเพื่อให้คปภ. นำไปพิจารณาใช้กับบริษัทประกันภัย

โดยเบื้องต้น จะเป็นทางฝั่งประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็น สูตรคำนวณมูลค่าเวนคืนเงินสด สูตรคำนวณการขยายระยะเวลากรมธรรม์ สูตรคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้กรมธรรม์ การคิดหาดอกเบี้ยจากการลงทุน หรือแม้กระทั่งอัตราคิดลดในการคำนวณเบี้ยประกันภัย และวิธีการทดสอบความสามารถในการทำกำไรหรือคืนเงินให้ผู้ถือกรมธรรม์ได้ เป็นต้น  

ทั้งนี้ทางสมาคมฯ จะร่างเป็นแนวทางปฏิบัติงานทางด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย (actuarial guidance note) ขึ้นมา ซึ่งต้องขอขอบคุณทางคปภ.ที่สนับสนุน และความร่วมมือจากภาคธุรกิจด้วย

ส่วนด้านประกันสุขภาพตามแนวทางใหม่ของคปภ.จะให้เกณฑ์กับธุรกิจประกันภัยไว้ว่า การที่จะไม่ต่ออายุกรมธรรม์นั้น จะต้องเข้าเงื่อนไขในต่อไปนี้คือ

1.ผู้เอาประกันปกปิดความจริงในตอนสมัครทำประกัน

2.เรียกร้องค่าสินไหมเกินกว่าความเป็นจริงหรือเกินกว่าความจำเป็น และ

3.เมื่อรวมทุนประกันที่ซื้อเอาไว้ ปรากฎว่าซื้อทุนประกันเกินกว่ารายได้ที่แท้จริง ซึ่งขัดต่อหลักการประกันภัย

อีกด้านหนึ่งคือ waiting period (ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง) นั้น จากที่บางโรคมีระยะเวลาถึง 120 วัน ก็จะมีแนวทางเสนอให้ร่นเหลือ 30 วัน ซึ่งทางสมาคมฯ เห็นว่า จะทำให้บริษัทประกันภัยได้รับความเสี่ยงส่วนเกินเพิ่มเข้ามา เช่นจากคนเป็นโรคมะเร็งมาก่อนเป็นต้น ทำให้อาจจะมีผลต้องปรับเบี้ยโดยรวมสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น อีกทั้ง บริษัทรับประกันภัยต่อ อาจจะไม่ยอมรับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็ได้ จึงต้องเป็นเรื่องที่ต้องปรึกษาหารือกันอีกที

นายพิเชฐกล่าวว่า สำหรับการปรับปรุงสัญญาประกันสุขภาพนี้ เรื่องที่น่าจะเป็นข้อสำคัญก็คือในการออกแบบประกันสุขภาพในปัจจุบันนี้ ควรพิจารณาเรื่อง medical inflation สำหรับ predictive หรือทำนายค่าใช้จ่ายทางด้านการรักษาพยาบาลในอนาคตที่จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็วด้วย เพราะถ้าตอนออกแบบประกันไม่ได้มี target loss ratio เอาไว้ ก็จะทำให้บริษัทประกันภัยต้องมีการปรับเปลี่ยนอัตราเบี้ยที่บ่อย เพราะไม่สามารถจะใช้อย่างยั่งยืนได้

“สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นการขอความเห็นชอบผลิตภัณฑ์ประกันภัยหรือการพัฒนาปรับปรุงสัญญาประกันสุขภาพก็ตาม ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะทุกฝ่ายตั้งอยู่บนหลักการที่ว่า “ภาคธุรกิจควรอยู่ได้และสิทธิประโยชน์ของผู้บริโภคควรอยู่ครบ” ซึ่งเป็นผลดีกับทุกฝ่ายครับ” นายพิเชฐ

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....