ซีพีเอฟแนะเกษตรกรรับมืออากาศร้อนจัดลดปัญหาปลากระชังป่วย

นายอดิศร์ กฤษณวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สำนักพัฒนาธุรกิจสัตว์น้ำ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ เปิดเผยว่า   สภาพอากาศของเมืองไทยช่วงรอยต่อของฤดูร้อนต่อฤดูฝนมักแปรปรวน กลางวันอากาศร้อนจัด อุณหภูมิสูง สลับกับมีฝนตกหนัก พื้นที่ที่แต่เดิมมีน้ำน้อยกลับมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นแบบเฉียบพลัน และคุณภาพเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบต่อปลากระชังในแม่น้ำที่ปรับสภาพไม่ทันอาจส่งผลให้ปลาในกระชังเกิดอาการป่วยและเกิดความเสียหายได้ ดังนั้นเกษตรกรควรเลี้ยงปลาในกระชังไม่ให้หนาแน่นเกินไป ควรลดปริมาณปลาที่จะลงเลี้ยงให้เหลือประมาณ 60-70% จากภาวะปกติ จะทำให้ปลาอยู่สบายไม่แออัดและเกิดความเครียดน้อย เพราะความเครียดจะส่งผลให้ปลากินอาหารน้อยลง การเจริญเติบโตช้าลง และอาจเจ็บป่วยได้

ทั้งนี้ การลดความเสี่ยงทำได้ด้วยการย้ายกระชังปลาลงไปในบริเวณน้ำลึกที่มีอัตราการไหลของน้ำที่ดีกว่า และต้องทำความสะอาดกระชังให้บ่อยครั้งขึ้น เนื่องจากฤดูร้อนพาราไซต์และแบคทีเรียจะเติบโตรวดเร็ว ที่สำคัญควรกำจัดวัชพืชน้ำและสาหร่ายเพื่อลดการกีดขวางการไหลของน้ำผ่านกระชัง ที่จะทำให้ออกซิเจนในกระชังต่ำลง ควบคู่กับการตรวจค่าแอมโมเนียรวมที่ละลายน้ำไม่ควรเกิน 0.5 PPM และหากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพน้ำฉับพลัน ต้องผสมวิตามินซีในอาหารให้ปลากินติดต่อกัน 5-7วัน เพื่อช่วยเพิ่มภูมิต้านทานโรคให้กับปลา

นายอดิศร์  เกษตรกรต้องระมัดระวังเรื่องปริมาณออกซิเจนในน้ำที่ต้องไม่ต่ำจนเกินไป โดยวัดค่า DO (Dissolved Oxygen) หรือปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำ ให้บ่อยขึ้น เพราะน้ำที่อุณหภูมิสูงขึ้นออกซิเจนที่ละลายในน้ำจะลดลง จึงควรติดตั้งเครื่องตีน้ำเพื่อช่วยเติมอากาศในน้ำ โดยเฉพาะช่วงที่อากาศร้อนจัดในเวลากลางวัน ควรเปิดตลอดเวลาเพื่อให้น้ำมีการผสมกัน ไม่เกิดการแบ่งชั้นของน้ำ และช่วยให้อุณหภูมิน้ำไม่สูงจนเกินไป

สำหรับการเลี้ยงปลาในบ่อต้องมีการควบคุมคุณภาพน้ำ ปรับสภาพให้น้ำลึกไม่ต่ำกว่า 1.8 เมตร วัดค่าความขุ่นใสให้ได้ 40-50 เซ็นติเมตร และต้องวัดค่า DO บ่อยครั้งขึ้นและควรเปิดเครื่องตีน้ำในช่วงกลางวันด้วย

“ตัวช่วยที่ดีสำหรับช่วงอากาศร้อนและมีฝนตกหนักสลับเช่นนี้คือ การติดตั้งเครื่องตีน้ำไว้ข้างกระชังปลา หรือในบ่อเลี้ยงปลา โดยเทคโนโลยีนี้ซีพีเอฟได้พัฒนาต่อยอดมาจากระบบให้อากาศในบ่อเลี้ยงกุ้ง พบว่าสามารถเพิ่มอากาศในน้ำได้เป็นอย่างดี ช่วยลดอุณหภูมิน้ำได้ การไหลเวียนของน้ำดีขึ้น ทำให้การเลี้ยงปลามีประสิทธิภาพดีขึ้น ปลาเติบโตได้ดีขึ้น และมีความต้านทานโรคดี”

อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญจากซีพีเอฟย้ำว่า ช่วงอากาศร้อนปลามักจะกินอาหารลดลง ให้หมั่นสังเกตการกินอาหารของปลา ควรให้อาหารเท่าที่ปลากินได้ โดยต้องให้กินให้หมดอย่าให้เหลือลอยน้ำ เพราะถ้าอาหารเหลือจะกลายเป็นอาหารของแบคทีเรีย หรือหากปลาเริ่มกินได้ช้าลง ก็ไม่ควรปล่อยให้อาหารลอยน้ำเกิน 15 นาที ต้องตักออก และปรับปริมาณการให้อาหารให้พอดีกับการกิน อาจเปลี่ยนมาให้ในช่วงเช้าตรู่หรือช่วงเย็นที่อากาศไม่ร้อน และแบ่งการเป็น 5–6 มื้อต่อวัน เพื่อกระตุ้นการกิน ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากอากาศที่แปรปรวนในปัจจุบันได้

 

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....