ไม่สบาย ไม่กล้าป่วย เพราะกลัวเงินไม่พอ แล้วจะ ยืนหยัดเพื่อครอบครัว ได้อย่างไร?

นายแพทย์วิทวัส ศิริประชัย อดีตแพทย์ประจำโรงพยาบาลเกาะลันตา อ.เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ปัจจุบัน เจ้าของเพจ Drama Addict ที่คนคุ้นเคยและรู้จักกันดีผ่านสื่อสังคมออนไลน์  แชร์ประสบการณ์บนเวที สัมมนา HEROES IN YOU ช่วง เจาะใจ ฮีโร่ไทย กล้าใช้ชีวิต  จัดโดย บมจ.เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต เกี่ยวกับสุขภาพตนเองช่วงระหว่างทำงานเป็นแพทย์

นายแพทย์วิทวัส กล่าวว่า ได้ทำงานเป็นแพทย์ มานานกว่า 10 ปี จากนั้นลาออกมารักษาสุขภาพอันเนื่องมาจากพฤติกรรมการกินของตัวเอง จนนำมาสู่ โรคเบาหวาน โดยพบปัญหา น้ำตาลในเลือดสูง มากถึง 500  มิลลิกรัมต่อเลือด 100 มิลลิลิตรขึ้นไป ซึ่งเป็นอาการของโรคเบาหวานชนิดต้องพึ่งอินซูลิน 

“…เคยอยู่เวรต่อเนื่อง 6 เดือน 24 ชั่วโมง ตอนนั้นเพิ่งไปประจำการที่โรงพยาบาลเกาะลันตาเป็นปีแรก หมอคนอื่นลาออกหมด  ทั้งโรงพยาบาลมีหมออยู่คนเดียว หลังจากผ่านจุดนั้นมาได้ไม่นานก็มีหมอมาช่วยแต่สุขภาพไม่ดีเท่าไหร่แล้ว …ชีวิตช่วงนั้น อยู่เวรดึก  หาของหวานกินให้มีแรง  อดหลับอดนอน น้ำหนักตัวเพิ่มสูงขึ้นมาก ล้วนเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน ซึ่งเรื่องราวนี้ได้ถูกบันทึกไว้ในหนังสือเรื่อง หมอติดเกาะไว้ด้วย…”

สำหรับประเด็นที่พูดถึงกันว่า กล้ายืนหยัดเพื่อครอบครัวแม้ยามป่วย นั้น คุณหมอกล่าวว่า ต้องคุยกันว่า ป้องกันไม่ให้ป่วยก่อน  คนส่วนใหญ่มองว่า พอป่วยก็ใช้ 30 บาทรักษาทุกโรคได้ ซึ่งจริงแล้วก็ดีอยู่ แต่ว่าอาจสายเกินไปสำหรับบางโรค โดยเฉพาะโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน  ความดัน ไขมันในเลือด เป็นต้น

คุณหมอ กล่าวว่า โรคเบาหวานเกิดจากการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม เป็นโรคที่มาจากพฤติกรรมการกินของเรา ทำให้น้ำหนักตัวเยอะ การกินน้ำหวานๆ ไม่สามารถป้องกันได้ด้วยการออกกำลังกาย  

แต่คนส่วนมากที่เป็นโรคนี้พอเป็นปุ๊ปก็คิดว่าไปพึ่งหมอ ไปกินยา เพื่อลดน้ำตาลในเลือด ซึ่งการโยนภาระให้หมออย่างเดียวนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเป็นเรื่องของทั้งคนไข้และหมอด้วย เพื่อจะได้ช่วยกันดูแลให้สุขภาพของตัวเองดีขึ้น

ทั้งนี้ นายแพทย์วิทวัส กล่าวว่า  โรคเบาหวาน หากปล่อยไว้นาน กระทั่งนำไปสู่การเป็นเส้นเลือดในสมอง  ไตเสื่อม แล้วค่อยมารักษาถึงตอนนั้น ฟื้นไม่ทันแล้ว เพราะเส้นเลือดได้เสื่อมสภาพไปแล้ว มีแต่ทรงกับทรุดอย่างเดียว

ฉะนั้น การป้องกันไม่ให้เกิดภาวะตรงนั้นคือ การออกกำลังกาย  การดูแลสุขภาพ และการตรวจสุขภาพให้สม่ำเสมอ เช่น การตรวจสุขภาพโรคประจำปี ตรวจเบาหวาน ความดัน ถ้าเป็นผู้หญิงจะมีตรวจมะเร็งปากมดลูก อาจมีการตรวจยีนส์ เพราะถ้าเป็นของต่างประเทศ อย่าง แอนเจลีนา โจลี ที่ไปตรวจยีนส์ พบว่า เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง เต้านมสูง ก็ไปผ่าตัดเอาเนื้อเยื่อตรงนั้นออก หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตตามปกติเพราะว่า ไม่มีความเสี่ยงแล้ว นี้เป็นตัวอย่างของการตรวจหาสาเหตุของโรคที่ต้นทางเพื่อป้องกัน ซึ่งในเมืองไทย ได้เริ่มมีบางที่แล้วที่สามารถตรวจยีนส์ได้  

คุณหมอ กล่าวอีกว่า คนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงมีประวัติ การเกิดมะเร็งบางอย่างในครอบครัว อาจจะมีตรวจเฉพาะเพิ่มเติม เช่น ส่องกล้องเฉพาะในบางเคสที่มีความเสี่ยง ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่คนไทยยังไม่ค่อยลงทุนเท่าไหร่ ถ้าเรารอให้ป่วยก่อนค่อยตรวจ ถึงตอนนั้น ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ค่าเสียโอกาส เสียเวลาการดูแล คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด  การปรับทัศนคติ และเรื่องการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นการทำประกันชีวิต  การออกกำลังกาย นับเป็นอีกหนึ่งทางออกมาช่วยลดความเสี่ยงในอนาคตลงได้

ยกตัวอย่าง ในเคสผม ผมเข้าฟิตเนส จ่ายเดือนละ 13,000 บาท รวมจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวด้วย เพราะผมป่วยเป็นโรคเบาหวานมาก่อน เคยกระดูกข้อมือหักมาก่อน เลยมีข้อต้องระวังเยอะ เทรนเนอร์จะคอยบอกว่า ควบคุมอะไรบ้าง ออกกำลังกายอย่างไรบ้าง จัดตารางให้อย่างละเอียด แต่ก็คุ้มเพราะทำให้ระดับ น้ำตาลในเลือดที่สูงถึง 500 มิลลิกรัมลดลงเหลือ 100   มิลลิกรัม

ฉะนั้น การการลงทุนแบบนี้ก็ช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดโรคในอนาคต  โรคเส้นเลือดในสมอง ที่นอกจากค่าดูแลรักษาพยาบาลสูงแล้ว ยังเสียโอกาสในการทำงาน อาจจะมากกว่าเดือนละ 13,000  บาทก็ได้

การซื้อประกันสุขภาพ มีบางบริษัทเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยซื้อประกันสุขภาพเฉพาะโรคได้ด้วย เช่น ผู้เคยป่วยด้วยโรคเบาหวาน  แต่ก็มีเงื่อนไขว่า ต้องตรวจระดับน้ำตาลในเลือด  และมีการ Follow Up พบแพทย์ต่อเนื่อง   การกินยา การออกกำลังกาย  เพื่อเก็บแต้มตามเงื่อนไข หากทำได้ ค่าเบี้ยประกันก็ลดลงเรื่อยๆ นับเป็นข้อดีของประกันสุขภาพแบบทำตามเงื่อนไขเพราะได้ช่วยส่งเสริมให้คนทำประกันได้ดูแลสุขภาพให้กับตัวเองไปในตัวด้วย 

แล้วถ้าเกิดป่วยด้วยโรคที่ไม่ใช่โรคเรื้อรัง ไม่สามารถคาดการณ์ในอนาคตได้ว่า จะเกิดอะไรขึ้น เช่น โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก  มะเร็งเม็ดเลือดขาว  ซึ่งทุกวันนี้แม้มี 30 บาทรักษาทุกโรคก็จริง แต่ไม่ได้ครอบคลุมการรักษาครบ 100% 

ต้องบอกว่า สวัสดิการ 30 บาทรักษาทุกโรคนั้นดีมาก ตอนนี้มีการรักษาพุ่งเป้าที่สามารถจ่ายค่ายารักษาโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งบางชนิดในราคา 2-3 ล้านบาทต่อปีโดยคนไข้ไม่ต้องจ่ายแม้แต่บาทเดียว แต่ในการรักษาบางโรคก็มีขีดจำกัด มีเงื่อนไขการรักษาอยู่

อย่างล่าสุดในเพจ ดราม่า แอดดิก มีเคสขอความช่วยเหลือ ของคนเป็นแม่แล้วมีลูกอายุไม่ถึงปี ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องมาแต่กำเนิด เคสนี้ต้องรักษาด้วยการปลูกถ่าย สเต็มเซลล์

ซึ่ง สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้สนับสนุนงบประมาณในการชดเชยค่าบริการผู้ป่วย ที่สามารถจ่ายได้ในบางเงื่อนไขเท่านั้น แต่เคสของลูกของคุณแม่ท่านนี้ไม่ตรงกับเงื่อนไขที่ สปสช.ต้องจ่าย ทำให้ต้องหาเงินเพิ่มอีกกว่าล้านบาท

หากเราซื้อประกันสุขภาพไว้ ก็จะช่วยป้องกันเรื่องค่าใช้จ่ายที่จะต้องจ่ายเพิ่มเติมในอนาคตได้ โดยเฉพาะโรคหายากและยังไม่ครอบคลุมใน สปสช.

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางที่หลายคนคิดว่า ไม่อยากจ่าย ประกันสุขภาพ ประกันการเจ็บป่วย ประกันการรักษา หรือไม่อยากออกกำลังกาย แต่ยินดีจ่ายค่าอะไรก็ตาม เช่น ค่ากาแฟวันละ 150 บาทต่อแก้ว 1 ปี (365 วัน) คิดเป็นเงิน มากถึง 54,750 บาท  หากจ่ายต่อเนื่องนาน 10 ปี คิดเป็นเงินมากถึง 547,500 บาท

ลองปรับ เปลี่ยนความคิดนำเงินจำนวนดังกล่าวมาดูแลสุขภาพตัวเองแทนเพื่อผลดีกับสุขภาพในระยะยาว ชีวิตก็เปลี่ยนได้เหมือนกันค่ะ.

เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....