“สาธิตา โสรัสสะ” 365 วันของฉันคือการเดินทาง
พูดถึงอาชีพ บล็อกเกอร์ ในยุคดิจิตอลครองโลกแบบนี้ เรามักจะเห็นบล็อกเกอร์หน้าใหม่ๆเดินหน้าสู่ถนนสายนี้กันอย่างคึกคัก บ้างก็เปิดเผยตัวตน บ้างก็ไม่เปิดเผยตัวตนมีปรากฏให้เห็นอยู่ในโลก Socialmedia มากมาย ซึ่งก็ไม่ได้ผิดกติกาใดๆ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน เพียงแต่เมื่อโลกเปลี่ยนไปวิถีชีวิต การดำเนินชีวิตของผู้คนในโลกนี้ก็เปลี่ยนแปลงตามไป วิธีการสื่อสารข้อมูลไปมาหากันแบบเดิมๆก็เปลี่ยนแปลง ผู้คนเริ่มเข้าไปอยู่ในสังคมออนไลน์มากขึ้น ทั้งใน เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม ไลน์ กูเกิ้ลพลัส ฯลฯ ในที่สุดกลายเป็นสังคมออนไลน์ที่ทุกคนกลายเป็นผู้ผลิตสื่อได้ด้วยตัวเอง ซึ่งวันนี้เว็บไซต์ innwhy.com ได้รับเกียรติจาก คุณสาธิตา โสรัสสะ อดีตหัวหน้าข่าวเครือเนชั่น นักข่าวนักเขียนอยู่ในแวดวงการท่องเที่ยวยาวนานเกือบ 30 ปี มาเปิดประสบการณ์และอัพเดทเทรนด์บล็อกเกอร์กันค่ะ
คุณสาธิตา เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่เธอจะเข้าสู่อาชีพบล็อกเกอร์ ได้ทำงานเป็นผู้สื่อข่าวมาก่อนเกือบ 30 ปี และการที่หันเหสู่อาชีพบล็อกเกอร์ เพราะมองว่าเป็นเทรนด์ของโลก ขณะที่ยุคไอทีมาแรง ผู้คนก็ต้องปรับตัว นักข่าวก็เช่นกัน ขณะที่สื่อกระแสหลักอย่างหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์เริ่มซบเซาลง แต่สื่อที่เคยเป็นกระแสรองอย่างพวกโซเชียล มีเดีย กลับพุ่งแรงแซงขึ้นมาในระยะหลายปีมานี้ บล็อกเกอร์ก็เป็นอาชีพที่น่าสนใจ มีเนื้อที่ให้ถ่ายทอดได้เยอะ นำเสนอเรื่องพร้อมรูปได้น่าอ่านชวนให้คนสนใจติดตามได้ง่ายผ่านโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ไอแพด หรือแม้แต่คอมพิวเตอร์ขนาดเล็กแบบพกพาไปทุกที่ได้ง่าย สะดวกสบาย โดยไม่ต้องหาซื้อนสพ. และมีช่องทางทำรายได้ได้ด้วย แต่ก็ยังไม่ทิ้งสื่อหลัก โดยมีงานเขียนอยู่ในหนังสือพิมพ์และทำพ็อคเก็ตบุ๊คท่องเที่ยวอยู่
คุณสาธิตา มองว่าทำงานเขียน เป็นหน้าที่หลักของบล็อกเกอร์ และการเป็นบล็อกเกอร์ด้านการท่องเที่ยวถือเป็นงานที่สนุกได้เดินทาง พบเห็นเรื่องราวในโลกกว้าง ได้รู้จักผู้คนในท้องถิ่นและได้ประสบการณ์ใหม่ๆเรียกได้ว่า เป็นอาชีพที่ย่อโลกทั้งใบมาไว้ในกำมือ เพียงแค่ได้ไปพบเห็นอะไรมาก็หยิบเรื่องราวที่ดีมีสาระประโยชน์มาถ่ายทอดเรื่องราว แชร์ประสบการณ์ให้ผู้คนในโลกออนไลน์ได้ติดตามอ่านกัน ที่สำคัญทำให้เราสามารถสร้างแฟนคลับหรือผู้ติดตามของตัวเองได้ด้วย ปัจจุบันเธอมีบล็อกเป็นของตัวเองอยู่ใน Pantip และใน Facebook ชื่อ Travelista นักเดินทาง (คำว่า Travelista-ก็คือคำ 3 คำารวมกัน Travel is Ta ซึ่งแปลว่าการเดินทางคือตา คือชื่อของเราเลย และเป็นคำเก๋ๆ มียอดผู้ติดตามใน FB กว่า 4 หมื่นคน ส่วนใน Pantip เพิ่งเขียนได้ราว 8 เดือนมียอดคนอ่านแล้วเกือบ 1 แสนเพจวิว
สำหรับบล็อกเกอร์เมืองไทยกับบล็อกเกอร์ต่างประเทศนั้น คุณสาธิตามองว่า การทำงานของบล็อกเกอร์ต่างประเทศทำเป็นอาชีพมานานแล้วและทำเฉพาะด้านเป็น Expert ด้านนั้นจริงๆ ทำให้มีผู้ติดตามในแต่ละสาขาตามไลฟ์สไตล์มากมายจนมีชื่อเสียงและผู้ติดตามมากกว่าบล็อกเกอร์เมืองไทย และเมื่อมองมาที่ตัวของเราเอง ก็คิดว่า ตัวเราก็มี Expert ด้านการท่องเที่ยวพอควร เพราะเป็นนักข่าวสายนี้มา 30 ปี เพียงแต่เพิ่งเข้ามาจับงานด้านนี้ไม่นาน ดังนั้นจึงมองว่า บล็อกเกอร์เมืองไทยวันนี้ส่วนใหญ่มีศักยภาพไม่แพ้บล็อกเกอร์ต่างชาติ เพียงแต่เรายังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนา
ในระยะ 4-5 ปีมานี้ คุณสาธิตาได้ให้ความสนใจกับการเจาะลึกวงการท่องเที่ยวในแบบ Niche Market โดยสนใจเป็นพิเศษกับเรื่อง บูติค โฮเต็ล จึงร่วมประชุมกันในโต๊ะอาหารกับสถาพร กวิตานนท์แห่งเคทีซี แล้วก่อกำเนิดโครงการประกวดโรงแรมบูติค หรือ “Thailand Boutique Awards” ขึ้นมา ทำให้มีโอกาสสัมผัสโรงแรมบูติคทั่วไทย ล่าสุดเพิ่งเป็นรองประธานคณะกรรมการตัดสินไทยแลนด์ บูติค อวอร์ดไป
อย่างไรอาชีพบล็อกเกอร์จะมีความยั่งยืน แค่ไหนอย่างไร เธอมองว่า ขึ้นกับบล็อกเกอร์คนนั้นจะมีคว่ามจริงจังและตั้งใจทำงานเพื่อสิ่งนั้นอย่างทุ่มเทแค่ไหน เพราะคนส่วนใหญ่มักจะยอมรับบล็อกเกอร์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจริงๆ ไม่ใช่ทำอย่างฉาบฉวย และเมื่อทำแล้ว สามารถเป็นช่องทางสร้างอาชีพได้ เพราะอาชีพบล็อกเกอร์ เราสามารถนำเสนอสินค้าและบริการได้เหมือนบล็อกเกอร์ในต่างประเทศ แต่ต้องทำอย่างนุ่มนวล ไม่ Hard Sale เกินไปไม่หลอกลวงผู้บริโภค ปัจจุบันเธอรวมตัวกับเพื่อนๆที่เป็นรุ่นน้องเป็นกลุ่มชื่อมีเดีย แอนด์ บล็อกเกอร์ คลับ มีสมาชิกก่อตั้ง 8 คน โดยเธอเป็นประธานกลุ่ม ทุกคนมีแฟนคลับจากนานาประเทศ ทุกคนเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว สามารถโปรโมทประเทศของเราซึ่งมีความงามไม่แพ้ใครออกไปได้ ยิ่งตัวเองเป็นคนที่เดินทางเยอะมาก จนชูคอนเซ็ปท์ของตัวเองว่า 365 วันของฉันคือการเดินทางเลยทีเดียว (หัวเราะ) จริงๆก็มีพักบ้าง แต่ช่วงพักที่ไม่ได้เดินทางก็คืองานเขียนเรื่องที่ไปเดินทางมา เท่ากับทุกวันก็ต้องเกี่ยวข้องกับการเดินทางตลอด
คุณสาธิตาทิ้งท้ายว่า แม้จะทำงานและเดินทางตลอดหรือ 365 วันอยู่กับการเดินทาง มีสิ่งหนึ่งที่คนเราต้องดูแลตัวเองให้สมาร์ทอยู่ตลอดเวลาไปจนกระทั่งหยุดทำงานแล้วนั่นคือ การวางแผนชีวิตอย่างไรในช่วงที่เป็นวัยทำงานให้ถึงวันที่หลังเกษียณได้มีเงินใช้และสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เธอให้ข้อคิดว่า วันนี้ถ้าเรายังทำงานไหวก็ต้องวางแผนเก็บออมเงินให้มากที่สุดเท่าที่จะเก็บได้ เคยเห็นคนแก่หลายคนที่ไม่วางแผนถึงถึงจุดที่ทำงานไม่ไหวแล้วลำบากมาก ซึ่งวิธีการเก็บออมก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งการเก็บในรูปเงินสดฝากธนาคารตามกำลังที่เราไหว เก็บเป็นหุ้น ลงทุนในประกันชีวิต ซื้อกองทุนเพื่อการลดหย่อนภาษีและไว้เป็นเงินเก็บ ฯลฯ ยิ่งยุคนี้น้องๆ ที่เริ่มเข้าสู่วัยทำงานหรือเริ่มทำธุรกิจของตัวเองก็ควรจะเริ่มเก็บไปด้วย เพราะเธอเองแม้จะเปิดบริษัททำธุรกิจเล็กๆ ด้านการพิมพ์ อีเว้นท์ ประชาสัมพันธ์ แต่ก็พยายามเก็บออมควบคู่ไปด้วยทุกครั้ง เชื่อว่าทุกคนสามารถทำได้ขอเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น.
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
Blogger INNWhy Club : อยากเห็น…สังคมไทยวัยทำงาน…ใช้ชีวิตได้สมาร์ทช่วงวัยเกษียณ…มีสุขภาพกาย-ใจ-เงิน แข็งแรง… เริ่มวางแผนชีวิตด้วยการเก็บออมเงินอย่างถูกที่ถูกทางและมีวินัย…และหลังหยุดทำงานไปแล้ว…ยังมีเงินใช้อย่างเพียงพอไม่เป็นภาระลูกหลาน คนใกล้ชิด.