สภาพคล่องตลาดดิจิทัลทำราคาผันผวนสูง ข่าวเทคโนฯทรงอิทธิพลสุด
ปัจจุบัน ประเทศไทยได้เปิดช่องทางให้นักลงทุนทั่วไปสามารถเข้าถึงการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลกันได้แล้ว ลังจากออกกฎเกณฑ์ครอบคลุมการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และภาระทางภาษีของนักลงทุน ทั้งพ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัล ไปจนถึงจดหมายจากธปท.ถึงสถาบันการเงินในประเทศไทยที่ประกาศอนุโลมให้บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินประกอบธุรกิจและทำธุรกรรมที่เกี่ยวโยงกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้
ล่าสุด ก.ล.ต. กำลังพิจารณาการออกใบอนุญาตให้แก่ผู้ประกอบการศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (ICO Portals) และบริษัทที่มีความประสงค์จะเสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัลต่อประชาชน โดยคาดว่าจะมีการเริ่มออกใบอนุญาตในช่วงไตรมาสสี่ของปี 2561
นับเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนทั่วไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ให้สามารถทำได้ง่ายขึ้น แต่นักลงทุนจะต้องทำความรู้จักกับช่องทางลงทุนใหม่ดังกล่าวขึ้นด้วย เพราะตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมีลักษณะแตกต่างจากตลาดการลงทุนอื่นๆ อยู่มาก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีข้อสังเกตที่น่าสนใจเกี่ยวกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล ดังนี้
1.ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลขาดการกระจายน้ำหนักในกลุ่มสินทรัพย์ และขาดสภาพคล่องในการซื้อขาย
ด้วยปัจจุบัน Bitcoin เป็นสกุลเงินที่ครองตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่าครึ่ง และมีส่วนแบ่งตลาดเหนือสกุลอันดับรองลงมากอย่างมาก โดย Ethereum และ Ripple ต่างมีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 10% ซึ่งจุดนี้จะทำให้ปัจจัยที่กระทบราคา Bitcoin มีผลกระทบมูลค่าโดยรวมของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในระดับที่สูง จนย้อนกลับมาส่งผลต่ออารมณ์นักลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ ด้วย
ขณะเดียวกัน มูลค่าการซื้อขาย (Market Volume) ของสินทรัพย์ดิจิทัล อยู่ในระดับต่ำ โดยแม้กระทั่งเหรียญดิจิทัล 3 สกุลที่มีมูลค่าตามราคาตลาด หรือ Market Cap สูงที่สุด ได้แก่ Bitcoin Ethereum และ Ripple นั้น อัตราเฉลี่ยของสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายต่อมูลค่าตามราคาตลาดในช่วงหนึ่งเดือนระหว่างกันยายน ถึงตุลาคม 2561 อยู่ที่เพียง 3.79% 8.28% และ 4.71% ตามลำดับเท่านั้น ซึ่งสะท้อนการซื้อขายเหรียญเหล่านั้นที่ต่ำ
หนึ่งปัจจัยที่ทำให้มูลค่าการซื้อขายต่ำ มาจากการที่สินทรัพย์ดิจิทัลจำนวนมาก อยู่ในมือของกลุ่มนักลงทุนจำนวนน้อย ซึ่งซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลเก็บไว้เป็นการเก็งกำไรในระยะยาว
2.ข่าวการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัล และ Cybersecurityมีผลกระทบราคาสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม
ทั้งนี้ ปัจจัยด้าน Cybersecurityที่เป็นปัจจัยสำคัญส่งผลกระทบราคาสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม
เนื่องจากระบบเทคโนโลยีที่รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่คนส่วนมากอาจไม่คุ้นเคยหรือเข้าใจ ภาพลักษณ์เรื่องความปลอดภัยในการเก็บครอบครองสินทรัพย์ดิจิทัลจึงมีความสำคัญเหนือกรณีสินทรัพย์ทั่วไป ทำให้ข่าวในเชิงลบเรื่องความปลอดภัยของทรัพย์ ส่งผลกระทบต่อราคามากเป็นพิเศษ เช่น เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2561 ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล Bithumb ประกาศว่าทางบริษัทถูกขโมยสินทรัพย์ดิจิทัลไปเป็นจำนวน 30 ล้านดอลลาร์ฯ แม้ทางบริษัทระบุว่าจะชดใช้เงินที่ถูกขโมยไปทั้งหมดให้นักลงทุน ราคาของสินทรัพย์ดิจิทัลโดยรวม ต่างก็ปรับลงหลังจากที่มีการประกาศข่าวออกมา
3.การพัฒนาระบบเทคโนโลยีที่รองรับสินทรัพย์ดิจิทัล และข้อตกลงทางธุรกิจที่ผูกโยงเข้ากับเครือข่ายสินทรัพย์ดิจิทัลของบริษัท
เนื่องจากราคาสินทรัพย์ดิจิทัลแต่ละตัว ในหลักการแล้ว จะเทียบเท่ากับมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดที่นักลงทุนคาดว่าตนจะได้รับจากเหรียญในอนาคต ซึ่งขึ้นอยู่กับสองปัจจัยประการแรก ความคืบหน้าในการพัฒนาระบบเทคโนโลยี และประการที่สอง รายได้สุทธิของผู้ถือสินทรัพย์ดิจิทัลเมื่อระบบเทคโนโลยีพัฒนาเสร็จสิ้นแล้ว
สำหรับปัจจัยแรก หากบริษัทผู้จำหน่ายเหรียญประกาศว่า ตนได้เข้าร่วมข้อตกลงเป็นพันธมิตรธุรกิจกับบริษัทยักษ์ใหญ่ แม้ระบบเทคโนโลยีของบริษัทจะยังไม่ได้รับการพัฒนาจนเสร็จสิ้น และยังไม่ได้เกิดรายได้ก็ตาม หากนักลงทุนเชื่อว่าในอนาคตระบบจะถูกพัฒนาเสร็จสิ้นและข้อตกลงดังกล่าวจะนำไปสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้น ก็ยังอาจส่งผลให้ราคาของเหรียญดังกล่าวปรับขึ้นได้ล่วงหน้า
4.การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin ยังมีความสัมพันธ์ที่จำกัดกับราคาสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
การที่ราคา Bitcoin ปรับตัวตามทิศทางราคาทองคำ อาจมาจากการที่ทั้งสองตัวแปร มีอุปทานจำกัด โดยจำนวน Bitcoin ที่จะถูกสร้างขึ้นมาได้ถูกกำหนดไว้ให้ไม่เกิน 21 ล้านเหรียญทำให้มีกลุ่มผู้ที่เชื่อในศักยภาพของระบบเทคโนโลยี Blockchain ที่ค้ำจุน Bitcoin มองว่า Bitcoin มีความคล้ายกับทองคำ ทำให้ในภาวะที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเชิงระบบในตลาดหุ้นหรือตลาดสินทรัพย์ทั่วไปอื่นๆ นักลงทุนบางรายอาจโยกย้ายเงินลงทุนไปยังสินทรัพย์ดิจิทัล เช่นกับที่มีการกระทำกับทองคำก็เป็นได้
5.ปัจจัยประเมินราคาสินทรัพย์ดิจิทัล,uมีแนวโน้มเปลี่ยนไปในอนาคต
ในอนาคต หากบริษัทส่วนใหญ่ที่เสนอขายสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถพัฒนาเทคโนโลยีรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลได้สำเร็จถึงระดับหนึ่ง จนมีการประยุกต์ใช้อย่างพอควรแล้ว คาดว่า น้ำหนักของบางปัจจัย เช่น ข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาเทคโนโลยีก็น่าจะได้รับน้ำหนักจากนักลงทุนน้อยลง เนื่องจาก ณ จุดนั้น การที่เทคโนโลยี Blockchain จะสามารถถูกนำมาประยุกต์ใช้เพื่อก่อให้เกิดกำไรทางธุรกิจคงได้รับการพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ขณะที่ ข่าวสารเรื่องข้อตกลงธุรกิจ ก็น่าจะได้รับน้ำหนักจากนักลงทุนมากขึ้นเช่นกัน
สำหรับปัจจัยที่กระทบตลาดโดยรวม ปัจจัยทางกำกับและ Cybersecurity ต่างมีความสำคัญ ซึ่งไม่ขึ้นอยู่กับระดับการพัฒนาของเทคโนโลยีหรือตลาดรองรับสินทรัพย์ดิจิทัล แต่ในอนาคตหากมีการเชื่อมต่อระหว่างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและระบบการเงินดั้งเดิมมากขึ้น สินทรัพย์ดิจิทัลอาจจะถูกมองเปรียบเทียบกับการลงทุนทั่วไปมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ปัจจัยที่กระทบตลาดการลงทุนทั่วไป เช่น แนวโน้มของนโยบายการเงิน ส่งผลกระทบราคาสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ Correlation ระหว่างสินทรัพย์ทั่วไปและสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบัน ความผันผวนด้านราคาที่สูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น สภาพคล่องในการซื้อขายที่จำกัด และคำถามเรื่องประเด็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ยังรอการถูกพิสูจน์คุณประโยชน์อย่างชัดเจน ทำให้สำหรับนักลงทุนรายย่อย การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงซึ่งควรกระทำอย่างระมัดระวัง โดยนักลงทุนควรจับตามองข่าวความคืบหน้าการพัฒนาเทคโนโลยีรองรับสินทรัพย์ดิจิทัล และควรคำนึงถึงประเด็นสภาพคล่องในการซื้อขายก่อนการลงทุน
เพิ่มเราเป็นเพื่อนได้แล้ววันนี้!....
ทีมงาน INN WHY? รายการเพื่อผู้บริโภค ร่วมปฏิวัติความคิด ปรับเปลี่ยนชีวิต ก้าวสู่ความมั่นคง หลังเกษียณ
ติดตามเราได้ที่ไลน์แอด @INNWHY.TV หรือ Facebook.com/INNWHY.TV และ Youtube.com/c/innwhy
Contact us : INNWHY31@gmail.com